‘กรุงไทย’ มุ่งแบงก์แห่งอนาคต ‘ผยง’ พลิกโฉมดัน ‘เวอร์ชวลแบงก์’ สู่ ‘บียอนด์แบงกิ้ง’

‘กรุงไทย’ มุ่งแบงก์แห่งอนาคต  ‘ผยง’ พลิกโฉมดัน ‘เวอร์ชวลแบงก์’ สู่ ‘บียอนด์แบงกิ้ง’

กรุงไทย เดินหน้าสู่การเป็น “ธนาคารแห่งอนาคต” พลิกโฉมด้วยยุทธศาสตร์ “ดาว 5 ดวง” พร้อมปักธงดัน Virtual Bank ภายใต้ “ธนาคารคลิกซ์” ก้าวสู่ Beyond Banking เชื่อมโยงเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ

‘กรุงไทย’ มุ่งแบงก์แห่งอนาคต  ‘ผยง’ พลิกโฉมดัน ‘เวอร์ชวลแบงก์’ สู่ ‘บียอนด์แบงกิ้ง’ ธนาคารกรุงไทย” ในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ จากจุดเริ่มต้นที่เผชิญกับ “ความท้าทาย” สู่การกำหนดทิศทางธุรกิจที่มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน

ผยง ศรีวณิช” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) กล่าวในงาน Krungthai Executive Press Trip 2025 ว่า บทบาทของธนาคารกรุงไทย ที่เป็นธนาคารพาณิชย์ของรัฐ แม้จะมีข้อสงสัยบ่อยครั้งว่า “กรุงไทย” มีอภิสิทธิ์เหนือธนาคารอื่นๆ หรือรัฐเข้าแทรกแซงการดำเนินงานของกรุงไทยหรือไม่

แต่เขา “ยืนยันว่า รัฐไม่ได้เข้าแทรกแซง แต่เป็น DNA ของธนาคาร” ที่ต้องทำเพื่อสังคม และประชาชนมากกว่าธนาคารทั่วไป ในขณะเดียวกันก็ยังคงต้องแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

  • การเปลี่ยนแปลงสู่การสร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง 

สะท้อนผ่านในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารกรุงไทยต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เพื่อวางรากฐานให้แข็งแรงผ่านการประกาศนโยบายด้านธรรมาภิบาล การไม่ยอมรับต่อการทุจริต การบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ สู่องค์กรคุณธรรม

รวมถึงการขับเคลื่อนองค์กรบนการเดินยุทธศาสตร์ผ่าน  X2G2X ที่เชื่อมโยงบริการทางการเงินระหว่างภาคธุรกิจ ภาครัฐ และประชาชนได้อย่างครบวงจร

ท่ามกลาง “ความเสี่ยง” และ “ความเปลี่ยนแปลง” ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ธนาคารได้ตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ในการขับเคลื่อนแพลตฟอร์ม “Krungthai NEXT” และ “เป๋าตัง” พร้อมกัน ภายใต้แนวคิด Open Finance เพื่อเชื่อมต่อบริการทางการเงินให้เข้ากับชีวิตประจำวันของคนไทยได้อย่างแท้จริง บนการให้ความสำคัญกับ 5 ระบบนิเวศหลัก 

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ธนาคารกรุงไทยได้ผ่านการปรับตัวครั้งใหญ่ใน 3 ระยะสำคัญ จากธนาคารแบบดั้งเดิมสู่การเป็นธนาคารที่ตอบโจทย์อนาคตอย่างแท้จริง “เฟสแรก” ที่ธนาคารมีการบริหารความเสี่ยงโดยการตัดหนี้สูญจากพอร์ตสินเชื่อโรงสีข้าวจากพอร์ตไปกว่า 7 หมื่นล้านบาท หรือ “เฟสที่สอง” ผ่านการขับเคลื่อน Digital Transformation ด้วยการวางยุทธศาสตร์เข้าสู่ระบบ Open Finance เปิดแพลตฟอร์มการเงินที่เชื่อมโยงกับบริการภาครัฐ ธุรกิจ และประชาชน ผ่าน Krungthai NEXT และ “เป๋าตัง” 

และ “เฟสที่สาม” ที่การขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ หรือ Future Business โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ ทำธุรกิจธนาคารไร้สาขา หรือ  Virtual Bank เพื่อขยายบทบาทธนาคารดิจิทัล 

“ผยง” มองว่าคือ หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือ “Connect the Dots” เช่น โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง จากรากฐานทางดิจิทัลที่แข็งแกร่ง ทำให้ธนาคารสามารถเชื่อมโยงทุกภาคส่วนในระบบนิเวศเศรษฐกิจ ทั้งภาครัฐ ธุรกิจ และประชาชน เข้าด้วยกันได้อย่างไร้รอยต่อ ก่อให้เกิดระบบนิเวศ ที่เรียกว่า “Galaxy of Krungthai”

เหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่สะท้อนถึง “รากฐาน” หรือ Foundation ที่แบงก์กรุงไทยได้สร้างขึ้นในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ที่ไม่เพียงให้บริการทางการเงิน แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึง

โดยที่ผ่านมา ธนาคารกรุงไทยยังมีการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ทั้งในภาคประชาชนและภาคธุรกิจ ทั้ง ถุงเงิน เป๋าตัง ฯลฯ ที่ทำให้กรุงไทยเป็นที่รู้จักในระดับสากลมากขึ้น  ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากแนวคิด “Do Well = Do Good” ของธนาคาร ที่สร้างทั้งมูลค่าทางธุรกิจ และประโยชน์ต่อสังคมควบคู่กัน 

สะท้อนได้จากสิ่งที่ธนาคารกรุงไทยดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงโควิด ไม่เพียงแค่ช่วยรับมือวิกฤติ แต่ยังต่อยอดจนสามารถสร้างมูลค่าและการเติบโตต่อเนื่องให้กับองค์กรได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน สะท้อนราคาหุ้นธนาคารที่เคยลดลงเหลือเพียง 8 บาทต่อหุ้นในช่วงวิกฤติมาสู่ปัจจุบันราคาหุ้นระดับ 24-25 บาทต่อหุ้น ที่แสดงถึงการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กรต่อเนื่อง

รวมทั้งการจ่าย “เงินปันผล” เพิ่มขึ้น เป็นอีกหนึ่งจุดเด่น โดยธนาคารปรับอัตราการจ่ายปันผลขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 50% ของกำไรสุทธิเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ถือหุ้น

  • มุ่งสู่ยุทธศาสตร์ “ดาว 5 ดวง”

ธนาคารกรุงไทยได้มีการปรับเปลี่ยนและพัฒนายุทธศาสตร์ รวมถึงโมเดลธุรกิจและการดำเนินงานในหลายด้าน โดยธนาคารกรุงไทยได้ปรับยุทธศาสตร์จาก “ดาว 7 ดวง” มาเป็น “ดาว 5 ดวง” เพื่อลดความซับซ้อน ทำให้พนักงานและพันธมิตรสามารถเข้าใจและนำไปปฏิบัติได้ง่ายขึ้น  

พร้อมทั้งการปรับโมเดลธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าอย่างแท้จริง จากเดิมธนาคารเคยแบ่งธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ Retail Banking, Digital Banking และ Wholesale Banking โดยได้แยก Digital Banking ออกมาเป็น Speed Boat เพื่อความคล่องตัวในการพัฒนานวัตกรรม

  • ปักธงดัน Virtual Bank สู่ Beyond Banking

“ผยง” ฉายภาพต่อว่า การเดินหน้า Virtual Bank ของธนาคารกำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทและประกาศชื่ออย่างเป็นทางการในชื่อ “ธนาคาร คลิกซ์ จำกัด (มหาชน)” ดำเนินงานภายใต้ บริษัท ไทย ทรินิตี้ โฮลดิ้ง จำกัด

ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ถือหุ้นโดยพันธมิตร 3 ราย ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย 41%, AIS 39% และ PTTOR 20% ซึ่งธนาคารคลิกซ์ตั้งเป้าไม่เพียงแค่เป็นธนาคารดิจิทัล แต่จะขยายบทบาทสู่ Beyond Banking ผ่านการพัฒนาในหลายด้าน เช่น Data Center, ระบบ Contact Center และการประยุกต์ใช้ AI เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้า

ไม่เพียงเท่านั้น ในด้านธุรกิจที่จะเป็นอนาคตสำหรับธนาคารกรุงไทย ยังผ่านการดำเนินการด้าน Venture Capital (CVC) ที่ล่าสุดธนาคารได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการให้สามารถลงทุนผ่าน Corporate Venture Capital (CVC) ได้สูงสุดถึง 10,000 ล้านบาท  และได้ใช้ไปแล้วประมาณ 2,000 ล้านบาท

เป้าหมายหลักไม่ใช่เพียงหวังผลตอบแทนทางการเงินแบบ VC ทั่วไป แต่เพื่อ สร้างพันธมิตรทางธุรกิจ และเป็นจุดเชื่อมโยงกับธุรกิจหลักของธนาคาร ที่ถือเป็น “Springboard” สำหรับต่อยอดนวัตกรรมและขยายขอบเขตการให้บริการในอนาคต
นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับพลังของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากโลกการเงินในอนาคต เช่น CBDC สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง , Token และ Stablecoin

ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นบนพื้นฐานของความน่าเชื่อถือ (Trust) และความมั่นใจ (Confidence) หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือเรื่อง ระบบการชำระเงินที่จะเป็นอีกก้าวของการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่ทันสมัยแบบ Real-Time