หุ้น Nvidia ร่วง หลังแนวโน้มรายได้เติบโตชะลอลง สงครามการค้ากระทบ

หุ้น Nvidia ร่วง หลังแนวโน้มรายได้เติบโตชะลอลง สงครามการค้ากระทบ

คาดการณ์รายได้ของ Nvidia ชี้การเติบโตที่ชะลอตัวลงหลังจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงสองปี หุ้นร่วงแม้ผลประกอบการไตรมาสสอง ดีเกินคาด สงครามการค้าสหรัฐ-จีนกระทบ

บลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (28 ส.ค.68) ว่า  Nvidia Corp บริษัทมหาชนที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ได้คาดการณ์รายได้สำหรับไตรมาสปัจจุบันที่อ่อนตัวลง ซึ่งส่งสัญญาณว่าการเติบโตกำลังชะลอตัวลง หลังจากการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ( AI) พุ่งสูงขึ้นอย่างมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา 

 

บริษัทระบุในแถลงการณ์เมื่อวันพุธว่ายอดขายในไตรมาสที่สาม ของปีงบประมาณ ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม จะอยู่ที่ประมาณ 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าจะสอดคล้องกับประมาณการโดยเฉลี่ยของตลาดวอลล์สตรีท แต่นักวิเคราะห์บางคนคาดการณ์ไว้ว่าจะมีมากกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ 

การคาดการณ์นี้ไม่รวมรายได้จากธุรกิจศูนย์ข้อมูลที่มาจากประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดที่ Nvidia ต้องดิ้นรนกับข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐ และแรงกดดันจากปักกิ่ง

แนวโน้มนี้ยิ่งเพิ่มความกังวลว่าการลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์นั้นไม่ยั่งยืน ความยากลำบากในจีนยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจของ Nvidia อีกด้วย 

แม้ว่ารัฐบาลทรัมป์จะผ่อนคลายข้อจำกัดในการส่งออกชิป AI บางส่วนไปยังประเทศดังกล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ แต่การผ่อนปรนดังกล่าวยังไม่ส่งผลให้รายได้ฟื้นตัว

ราคาหุ้น Nvidia ลดลงประมาณ 2% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการปกติหลังจากการประกาศดังกล่าว หลังปิดตลาดวันพุธราคาหุ้นในปีนี้พุ่งขึ้น 35% ส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัทสูงกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์

บริษัทยังอนุมัติการซื้อหุ้นคืนเพิ่มอีก 6 หมื่นล้านดอลลาร์ Nvidia ยังมียอดคงเหลือ 1.47 แสนล้านดอลลาร์ ตามแผนการซื้อหุ้นคืนเดิม ณ สิ้นไตรมาสที่สอง

 

ยอดขายในไตรมาสสอง ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 27 กรกฎาคม เพิ่มขึ้น 56% เป็น 4.67 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับประมาณการเฉลี่ยที่ 4.62 หมื่นล้านดอลลาร์ แม้ว่ารายได้จะเพิ่มมากกว่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ จากปีก่อนหน้า แต่ก็เป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่น้อยที่สุดในรอบกว่าสองปี กำไรอยู่ที่ 1.05 ดอลลาร์ ต่อหุ้นโดยหักรายการบางรายการออกไป ขณะที่ตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์กำไรไว้ที่ 1.01 ดอลลาร์ต่อหุ้น 

 

หน่วยธุรกิจศูนย์ข้อมูล ซึ่งปัจจุบันมีขนาดใหญ่กว่าผู้ผลิตชิปรายอื่นๆ มียอดขาย 4.11 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับประมาณการเฉลี่ยที่ 4.13 หมื่นล้านดอลลาร์ รายได้จากเกม ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นแหล่งรายได้หลักของ Nvidia อยู่ที่ 4.29 พันล้านดอลลาร์ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดขายเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนหน่วยธุรกิจยานยนต์มียอดขาย 586 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย

 

ผลประกอบการแสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายของผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลยักษ์ใหญ่ “อาจทำให้อัตรากำไรตึงตัวขึ้น หากผลตอบแทนการลงทุนในระยะใกล้จากแอปพลิเคชัน AI ยังคงยากที่จะประเมิน” จาค็อบ บอร์น นักวิเคราะห์จาก Emarketer กล่าวในบันทึก

  • สงครามการค้าสหรัฐ-จีนยังเป็นอุปสรรค

Nvidia ยังคงเผชิญกับผลกระทบจากการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐ และจีนที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ได้กลายเป็นประเด็นร้อนที่สำคัญ ในเดือนเมษายน เมื่อรัฐบาลทรัมป์ได้ออกมาตรการเข้มงวดมากขึ้นในการจำกัดการส่งออกโปรเซสเซอร์ศูนย์ข้อมูลไปยังลูกค้าชาวจีน ส่งผลให้ Nvidia ไม่สามารถเข้าสู่ตลาดจีนได้ ต่อมาวอชิงตันได้ยกเลิกข้อจำกัดดังกล่าว โดยระบุว่าสหรัฐฯ จะอนุญาตให้มีการส่งออกบางส่วนเพื่อแลกกับส่วนแบ่งรายได้ 15%

 

ขณะเดียวกัน ปักกิ่งได้สนับสนุนให้เลิกใช้เทคโนโลยีของสหรัฐ ในระบบ AI ที่รัฐบาลจีนใช้บริการ นโยบายที่เปลี่ยนแปลงนี้ทำให้วอลล์สตรีทคาดการณ์ได้ยากว่า Nvidia จะสามารถฟื้นรายได้จากตลาดได้มากเพียงใด นักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ยอดขายไว้ที่หลายพันล้านดอลลาร์ ขณะที่บางรายปฏิเสธที่จะคาดการณ์ยอดขายในจีนจนกว่าบริษัทจะชี้แจงสถานการณ์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

Nvidia ระบุว่าไม่มีการบันทึกยอดขายชิป AI H20 ให้กับลูกค้าในจีนในไตรมาสที่สอง บริษัทยังระบุด้วยว่ารัฐบาลสหรัฐ ยังไม่ได้ร่างแผนหักเอารายได้จากการขายชิป AI ในจีน 15% และบริษัทปฏิเสธแนวคิดนี้

“การที่รัฐบาลร้องขอส่วนแบ่งรายได้ อาจทำให้เราต้องถูกฟ้องร้อง เพิ่มต้นทุน และส่งผลเสียต่อสถานะการแข่งขันของเรา และเป็นประโยชน์ต่อคู่แข่งที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว” Nvidia ระบุในเอกสาร

 

Nvidia ระบุว่า ชิป H20 มูลค่า 2,000 - 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อาจถูกส่งไปจีน ตัวเลขนี้ขึ้นอยู่กับการได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐ และจนถึงขณะนี้มีลูกค้า “เพียงไม่กี่ราย” ที่ได้รับอนุญาตแล้ว

 

“หากเรามีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น เราก็สามารถเรียกเก็บเงินได้มากขึ้น” โคเล็ตต์ เครสส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินกล่าวระหว่างการแถลงทางโทรศัพท์ เธอยังกล่าวอีกว่าบริษัทยังคงเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐ อนุมัติชิป Blackwell รุ่นใหม่ สำหรับการขายในประเทศจีน

 

ก่อนการรายงานผลประกอบการ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ารายได้ของ Nvidia ไตรมาสที่สามสูงต่ำแตกต่างกันประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นช่วงที่กว้างที่สุดช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์ของบริษัท

  • Nvidia ไร้คู่แข่งในตลาดชิปเอไอ

ภายใต้การนำของ เจนเซ่น ฮวง ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทผู้ผลิตชิปที่ก่อตั้งมาได้ 32 ปีรายนี้ได้กลายเป็นเรื่องราวความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอย่างกะทันหัน ตลอดประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ Nvidia อยู่ภายใต้ร่มเงาของคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Intel Corp โดยสร้างรายได้เล็กๆ น้อยๆ จากการขายโปรเซสเซอร์กราฟิกให้กับนักเล่นเกมคอมพิวเตอร์

 

ความสำเร็จครั้งสำคัญของ Nvidia เกิดขึ้นเมื่อบริษัทได้ปรับเปลี่ยนหน่วยประมวลผลกราฟิก หรือ GPU ให้สามารถรันซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ได้ ซึ่ง ฮวง เรียกว่าการประมวลผลแบบเร่งความเร็ว( Accelerated Computing)

 

ในปี 2022 Nvidia มีขนาดเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของ Intel และมีรายได้ต่อปีน้อยกว่าที่ทำได้ในไตรมาสปัจจุบัน ในปัจจุบัน Nvidia มีแนวโน้มทำยอดขายต่อปีได้ถึง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดการณ์ว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2028 ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้รวมประมาณหนึ่งในสามของอุตสาหกรรมชิป

  • บุกตลาดใหม่ๆ

แต่ Nvidia ต้องพึ่งพาแผนการใช้จ่ายของบริษัทเพียงไม่กี่แห่งคือบริษัท Microsoft Corp, Amazon.com Inc และผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลยักษ์ใหญ่รายอื่นๆ คิดเป็นสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของยอดขายทั้งหมด 

เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับธุรกิจ ฮวงกำลังขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งรวมถึงคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เครือข่าย ซอฟต์แวร์ และบริการต่างๆ ที่ครบครัน

 

เขามุ่งมั่นที่จะเร่งการประยุกต์ใช้ AI ทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจ และผลักดันให้ทีมงานของเขาผลิตฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว

ในขณะนี้ บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนียแห่งนี้ แทบไม่มีคู่แข่งในตลาดชิป AI หรือที่รู้จักกันในชื่อตัวเร่งความเร็ว ความพยายามภายในของบริษัทต่างๆ เช่น Amazon และความท้าทายในระยะเริ่มต้นจากคู่แข่งที่มีศักยภาพอย่าง Advanced Micro Devices Inc ยังไม่สามารถแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดได้อย่างมีนัยสำคัญ

 

แต่บริษัทยังต้องเผชิญกับปัญหาอื่นๆ นอกเหนือจากปัญหาของ Nvidia ในประเทศจีนแล้ว อุปสรรคสำคัญที่สุดต่อการเติบโตคือ ความพร้อมด้านอุปทาน เช่นเดียวกับผู้ผลิตชิปส่วนใหญ่ Nvidia ไม่ได้เป็นเจ้าของโรงงาน และต้องพึ่งพาการผลิตแบบเอาท์ซอร์ส ซึ่งส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาบริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Co การเพิ่มกำลังการผลิตเทคโนโลยีใหม่ๆ ยังคงเป็นความท้าทายอย่างต่อเนื่อง 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์