‘บอนด์สหรัฐ’โดดเด่นครึ่งหลัง ‘กองทุน’ชี้โอกาสสร้างพอร์ตมั่นคง

เศรษฐกิจโลกวันนี้ ไม่เหมือนเดิม!! ทั้งความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ สงครามระหว่างประเทศ สงครามการค้าจัดระเบียบโลกยุค Trump 2.0 ห่วงโซ่อุปทานสั่นคลอน เศรษฐกิจโลกอ่อนแรง
ในวันที่โลกไม่นิ่ง นักลงทุนทั่วโลกจึงหันมาหา “ความมั่นคง” และหนึ่งในสินทรัพย์ที่ตอบโจทย์นั้นคือ “ตราสารหนี้” สะท้อนภาพพบ 3 จุดแกร่ง 1. ผลตอบแทนโดดเด่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 5 ปี 2. มีโอกาส Capital Gain หากดอกเบี้ยเริ่มลดลงในอนาคต และ 3. ความเสี่ยงต่ำ เป็นเสมือนเกราะป้องกันเมื่อตลาดไร้ทิศทาง
ทางด้านผู้จัดการกองทุนแนะจัดพอร์ตลงทุนครึ่งหลังปี 2568 รับมือตลาดโลกยังเผชิญความผันผวนด้วย “ตราสารหนี้ต่างประเทศ“ ไม่ใช่แค่ “ปลอดภัย” แต่ยังมี“ศักยภาพทำกำไร” และ “เป็นหลักประกันความมั่นใจ” ในพอร์ตการลงทุน
“ศรชัย สุเนต์ตา” รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Wealth & Investment Product ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า จากมุมมองการลงทุนที่ SCB CIO ได้แลกเปลี่ยนกับBlackRock ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนระดับโลก ให้ความสำคัญกับการจัดสรรสินทรัพย์แบบTactical (ภายใน 6-12 เดือน) มากขึ้น และสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ BlackRock ให้น้ำหนักการลงทุนแบบ Overweight บนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่มีอายุเฉลี่ย (Duration) ระยะสั้นถึงกลาง เนื่องจากให้อัตราผลตอบแทน (Yield) สูง และได้รับผลกระทบจำกัด หาก Yield เพิ่มขึ้น
ขณะที่ Underweight ตราสารหนี้ที่มี Duration ยาว จากการที่นักลงทุนต้องการส่วนต่างเพื่อชดเชยความเสี่ยงจากการลงทุนตราสารหนี้ระยะยาว (term premium) ที่สูงขึ้น ท่ามกลางระดับหนี้ของรัฐบาลทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น
“สอดคล้องกับมุมมองของ SCB CIO ที่แนะนำลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนคุณภาพดีของสหรัฐ โดยเน้น duration สั้นถึงกลาง เพื่อช่วยลดความเสี่ยงพอร์ต”
“ศรชัย สุเนต์ตา” รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Wealth & Investment Product ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า จากมุมมองการลงทุนที่ SCB CIO ได้แลกเปลี่ยนกับBlackRock ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนระดับโลก ให้ความสำคัญกับการจัดสรรสินทรัพย์แบบTactical (ภายใน 6-12 เดือน) มากขึ้น และสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้BlackRock ให้น้ำหนักการลงทุนแบบ Overweight บนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่มีอายุเฉลี่ย (Duration) ระยะสั้นถึงกลาง เนื่องจากให้อัตราผลตอบแทน (Yield) สูง และได้รับผลกระทบจำกัด หาก Yield เพิ่มขึ้น
ขณะที่ Underweight ตราสารหนี้ที่มี Duration ยาว จากการที่นักลงทุนต้องการส่วนต่างเพื่อชดเชยความเสี่ยงจากการลงทุนตราสารหนี้ระยะยาว (term premium) ที่สูงขึ้น ท่ามกลางระดับหนี้ของรัฐบาลทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น
“สอดคล้องกับมุมมองของ SCB CIO ที่แนะนำลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนคุณภาพดีของสหรัฐ โดยเน้น duration สั้นถึงกลาง เพื่อช่วยลดความเสี่ยงพอร์ต”
“สุภาพร ลีนะบรรจง” กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรีมองว่า ตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลก ยังมีความน่าสนใจจากโอกาสรับกระแสเงินสดสม่ำเสมอ และช่วยลดความผันผวนพอร์ตลงทุน
และการลงทุนด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ยังช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับการลงทุนโดยตรงในกองทุนหลัก และยังมีข้อดีคือไม่เสียภาษีเงินลงทุนในต่างประเทศ ช่วยลดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนและไม่มีต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน
พบว่า พอร์ตการลงทุนของกองทุนหลักPIMCO GIS Income Fund สัดส่วนการลงทุนครึ่งหนึ่งของพอร์ต เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสามารถลงทุนได้ มีแนวโน้มที่จะสร้างผลการดำเนินงานที่ดีในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
และ มีสัดส่วนการลงทุนบางส่วนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงมีศักยภาพเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอให้กับพอร์ตการลงทุน แม้ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจปรับตัวลดลง และมีการติดตามพร้อมปรับสัดส่วนการลงทุนอย่างยืดหยุ่นเพื่อตอบโจทย์ในทุกภาวะตลาด
ทั้งนี้ มีการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก และมีสัดส่วนการลงทุนในสหรัฐ อายุเฉลี่ยของตราสารในพอร์ตปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 5.13 ปี (ที่มา : PIMCO ณ 30 มิ.ย. 68)
นอกจากนี้ กองทุนหลักยังให้ความสำคัญกับการลดความเสี่ยง “ขาลง” เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูงและตราสารหนี้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในช่วงที่ตลาดเผชิญกับแรงกดดันอีกด้วย
กองทุนหลักมีผลงานโดดเด่น โดยมีผลงานย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 9.03% ดัชนีชี้วัดอยู่ที่ 6.08% ผลดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 7.48% ต่อปี ดัชนีชี้วัดอยู่ที่ 2.55% ต่อปี ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปีอยู่ที่ 4.37% ต่อปี ดัชนีชี้วัดอยู่ที่ -0.73% ต่อปี ผลดำเนินงานย้อนหลัง 10 ปีอยู่ที่ 4.49% ต่อปี ดัชนีชี้วัดอยู่ที่ 1.76% ต่อปี และย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 5.26% (ที่มา: PIMCO ณ 30 มิ.ย. 2568)







