‘จิตตะ เวลธ์’แนะจังหวะนี้จัดพอร์ตอย่างไรไม่ให้ติดดอย

‘จิตตะ เวลธ์’แนะจังหวะนี้จัดพอร์ตอย่างไรไม่ให้ติดดอย

“ทรัมป์” เปิดเกมการค้า New World Order 1 ส.ค. 68 ท่ามกลางการเปลี่ยนสู่โลก “ทวิภพ” Jitta Wealth แนะ 4 เทคนิคพอร์ตแกร่ง พร้อมเสริม DCA ลดความเสี่ยง สร้างวินัยลงทุนระยะยาว

KEY

POINTS

  • บลจ.จิตตะ เวลธ์ แนะจัดสัดส่วนพอร์ตด้วยกลยุทธ์ Core & Satellite โดยแบ่ง 80% ลงทุนในสินทรัพย์หลักที่มั่นคง และ 20% ในสินทรัพย์เสริมเพื่อสร้างโอกาสทำกำไร
  • ใช้การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) ควบคู่กับการลงทุนระยะยาว เพื่อลดความเสี่ยงจากการเข้าลงทุนผิดจังหวะและสร้างการเติบโตที่มั่นคง
  • สร้าง Mindset การลงทุนที่มั่นคง ไม่ตื่นตระหนกตามความผันผวนของตลาด และเข้าใจวัฏจักรเศรษฐกิจเพื่อหาจังหวะเข้าสะสมสินทรัพย์คุณภาพ

ไล่เรียงสถานการณ์ เริ่มแล้ววันที่ 1 ส.ค. 2568: สหรัฐฯ ภายใต้ยุทธศาสตร์ภาษีนำเข้า “Donald Trump” เปิดเกม New World Order เพื่อผลักดัน “American Great Again”

ตามสู่ ปิดดีลการค้ากับประเทศคู่ค้าหลักได้ก่อนเส้นตาย ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนและรายได้เข้าประเทศ ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและความปั่นป่วนไม่เกิดขึ้นจริงตามที่หลายฝ่ายเคยคาด

ตลาดหุ้นโลกฟื้นตัวรอบ 1 เดือน โดย สหรัฐฯ: S&P 500 และ Nasdaq ทำ All Time High ต่อเนื่องเอเชีย: Hang Seng, CSI 300 ทำจุดสูงสุดของปี เวียดนามใกล้ทำสถิติสูงสุดใหม่ด้วยแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ , ดัชนี Fear & Greed Index ฝั่งสหรัฐฯ ขึ้นถึงระดับ Extreme Greed และดัชนีความผันผวน VIX ต่ำสุดในรอบ 1 ปี

‘ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ’ CEO Jitta Wealth  มองว่า ตลาดไม่ได้กลัวผลกระทบเชิงลบอีกต่อไปแล้ว โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ทำสถิติ All Time High ต่อเนื่อง เหมือนโลกได้ผ่านจุด Bottom ไปแล้วหลัง ‘Liberation Day'

อย่างไรก็ดี ความร้อนแรงของตลาดหุ้นทั่วโลก จะเป็นสัญญาณเตือนภัย! หรือเป็นบวกจริงกันแน่? เรามาดูปัจจัยหลักๆ ที่มีนัยต่อตลาดร้อนแรงกัน 

ปัจจัยแรก :  เกมการค้าโลกเดือด  

•1 ส.ค. 2568 สหรัฐฯ ภายใต้ “ทรัมป์” เริ่มเก็บภาษีนำเข้าเฉลี่ย 15–20% เพื่อปิดฉากการขาดดุลการค้าหลายทศวรรษ

• ดีลใหญ่กับ EU, ญี่ปุ่น, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, UK, เวียดนาม ลดภาษีตอบโต้ แลกการลงทุน-ซื้อสินค้าสหรัฐฯ มหาศาล

• สหรัฐฯ–จีน นัดเจรจารอบ 3 ที่สต็อกโฮล์ม 12 ส.ค. หลังผ่อนคลายข้อจำกัดเทคโนโลยีและส่งออก

• อีก 200 ประเทศ ที่ไม่เจรจา โดนภาษีเฉลี่ย 15–20% สูงสุด 50% (ไทย 36%)

“โดนัลด์ ทรัมป์ ลั่นคำมั่นว่า ภาษีศุลกากรโลกครั้งนี้ จะยุติการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อมานานหลายทศวรรษ”

จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ข่าวร้าย “สงครามภาษี” รอบนี้ของโลกกำลังจะจบลง นักลงทุนกลับมาเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจโลกยังไปต่อได้  ด้วยสัญญาณบวกเศรษฐกิจโลก 

• IMF ปรับคาดการณ์ GDP โลกปี 2568 ขึ้นเป็น 3% จาก 2.8%

• เหตุจากการเร่งซื้อสินค้าก่อนเส้นตาย และอัตราภาษีจริงต่ำกว่าที่ประกาศ

• นักลงทุนเริ่มเชื่อมั่นว่า “สงครามภาษี” ใกล้ปิดฉาก

ปัจจัยที่สอง : การส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยเฟด

• FOMC 29–30 ก.ค. 2568 คงดอกเบี้ย 4.25–4.50% แม้ทรัมป์กดดันให้ลด

• ตลาดคาดลด 0.25% ก.ย. และอีก 0.25% ธ.ค. รวมปีนี้ลด 0.50%

• ปัจจัยการเข้าสู่แนวโน้มดอกเบี้ยขาลงของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยบวกที่ตลาดหุ้นกำลังรับรู้ข่าวนี้( ดอกเบี้ยขาลง = ต้นทุนการเงินธุรกิจ–รัฐบาลลด  หนุนตลาดทุน

ปัจจัยที่3 : ผลประกอบการบจ.

• คาดบวกจากดอกเบี้ยลด + แผนลดภาษีนิติบุคคล

• กลุ่ม Magnificent 7 โดยเฉพาะ Alphabet และ Tesla จ่อประกาศกำไร Q2 โต จากแรงหนุนเทคโนโลยี AI

ปัจจัยที่4 :  กฎหมาย One Big Beautiful Bill และ ภาพใหญ่โลกทวิภพ (Dual Supply Chain)

• กระตุ้นบริโภค–ลงทุนในประเทศ + ลดภาษีนิติบุคคล

• เสี่ยงเพิ่มหนี้สาธารณะและรายได้ภาษีลดลง

• สงครามการค้าในยุค ทรัมป์ 2.0 กำลังสร้างซัพพลายเชนคู่ขนาน

• ฝั่งตะวันตก vs จีนและพันธมิตร → สิ้นยุคโลกาภิวัตน์แบบเดิม

“ดอกเบี้ยขาลงคือแรงหนุนสำคัญ ทั้งลดต้นทุนธุรกิจและเพิ่มความเชื่อมั่นนักลงทุน”ตราวุทธิ์ CEO Jitta Wealth กล่าว

"Jitta Wealth"แนะ 4 เทคนิคสร้างพอร์ต “ทนทาน–ยืดหยุ่น” รับทุกสภาวะตลาด

ไม่ว่าอย่างไร โลกยังต้องหมุนต่อไปท่ามกลางความไม่แน่นอนที่สูงขึ้น หากต้องการจัดพอร์ตให้แกร่งรับมือได้ทุกสภาวะตลาด

“ตราวุทธิ์” แนะว่า นักลงทุนยุคความไม่แน่นอนสูง ต้องมีกลยุทธ์พอร์ตที่แข็งแรงและปรับตัวได้ โดยมี 4 แกนหลัก ดังนี้ 

1. เข้าใจวัฏจักรเศรษฐกิจ–ตลาดหุ้น เพื่อหาจังหวะลงทุนระยะยาว

2. เลือกสินทรัพย์และกระจายความเสี่ยง ลดความผันผวน

3. จัดสัดส่วนพอร์ตด้วยกลยุทธ์ Core & Satellite (Core 80% เน้นมั่นคง, Satellite 20% เสริมโอกาสทำกำไร)

4. สร้าง Mindset การลงทุน ที่มั่นคง ไม่หวั่นข่าวร้ายหรือความผันผวน

ตลาดหุ้นมักฟื้นก่อนเศรษฐกิจและตกก่อนเศรษฐกิจเสมอ นักลงทุนจึงควรคิดล่วงหน้า 6–12 เดือน และใช้ช่วง Trough หรือปลาย Recession เป็นจังหวะสะสมหุ้นคุณภาพ

นอกจากนี้ ”ตราวุทธิ์" ยังแนะนำการลงทุนแบบ DCA เพื่อเฉลี่ยต้นทุน ลดความเสี่ยงจากการจับจังหวะผิด และเน้นการลงทุนระยะยาวเพื่อให้พอร์ตเติบโตอย่างมั่นคง

DCA + Mindset: สูตรสร้างพอร์ตทนพายุ สู่การเติบโตระยะยาว

ในโลกการลงทุนที่เต็มไปด้วยความผันผวน ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้อย่างแม่นยำว่าราคาสินทรัพย์จะขึ้นหรือลงเมื่อใด แต่มีหนึ่งกลยุทธ์ที่นักลงทุนมืออาชีพทั่วโลกใช้เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างวินัยการลงทุน นั่นคือ การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar-Cost Averaging: DCA)

DCA: เครื่องมือควบคุมความเสี่ยง

DCA คือการลงทุนด้วยจำนวนเงินเท่าๆ กันในช่วงเวลาที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่สนใจว่าราคาสินทรัพย์จะอยู่ในระดับสูงหรือต่ำ วิธีนี้ช่วยให้ต้นทุนเฉลี่ยของพอร์ตอยู่ในระดับที่เหมาะสม ลดโอกาส “ติดดอย” และตัดปัจจัยอารมณ์ออกจากการตัดสินใจลงทุน

ลงทุนระยะยาว: พลังของวัฏจักร

การสร้างพอร์ตให้เติบโตอย่างมั่นคง ต้องอาศัยการลงทุนระยะยาวมากกว่าการเก็งกำไรสั้นๆ เพราะตลาดมีวัฏจักรขึ้น–ลงเป็นเรื่องปกติ เมื่อผ่านช่วงเลวร้ายไป เศรษฐกิจและตลาดมักฟื้นตัว และผู้ที่อยู่ในตลาดต่อเนื่องมักเป็นผู้เก็บเกี่ยวผลตอบแทน

Mindset: เกราะป้องกันความผันผวน

ตลาดหุ้นอยู่คู่กับความผันผวนเสมอ ข่าวร้ายหรือวิกฤติอาจทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกจนตัดสินใจผิดพลาด เช่น Panic Sell หรือ Overtrade ดังนั้น การตั้งสติ วิเคราะห์พอร์ต และยึดหลักการลงทุนที่สอดคล้องกับเป้าหมาย คือหัวใจสำคัญของความสำเร็จ

แน่นอนว่า “การผสมผสาน DCA + การลงทุนระยะยาว + Mindset ที่มั่นคง”  คือสูตรสร้างพอร์ตที่ “ทนทานและยืดหยุ่น” พร้อมรับมือทุกสภาวะตลาด และเปิดโอกาสให้เติบโตอย่างยั่งยืน

“การลงทุนไม่มีคำว่าสายเกินไป หากสินทรัพย์มีอนาคตเติบโตและคุณมั่นใจ คว้าโอกาสนั้นไว้ พร้อมกอด Mindset ที่ถูกต้อง แล้วเดินไปตามเส้นทางเป้าหมายของคุณ”