‘บัตรฯ-สินเชื่อบุคล’ โตยาก  กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ชี้คนรัดเข็มขัด

‘บัตรฯ-สินเชื่อบุคล’ โตยาก  กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ชี้คนรัดเข็มขัด

“กรุงศรี คอนซูมเมอร์” เปิดภาพตลาดบัตรเครดิตครึ่งปีแรก “แทบไม่โต” เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ “สินเชื่อบุคคล” ซบเซาเป็นปีที่ 2ต่อ ชี้ผู้บริโภคระมัดระวังใช้จ่ายหนัก

KEY

POINTS

  • กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ชี้ธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลปี 2568 เติบโตยากกว่าปีก่อน เนื่องจากผู้บริโภคทุกกลุ่มรัดเข็มขัดและระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น
  • ปัจจัยลบสำคัญที่กระทบความเชื่อมั่นคือหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง ความไม่แน่นอนทางการเมือง และการที่สถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ
  • ภาพรวมตลาดครึ่งปีแรกชะลอตัวชัดเจน โดยยอดใช้จ่ายผ่านบัตรโตเพียง 0.8% ขณะที่จำนวนบัตรและยอดสินเชื่อคงค้างหดตัวลง ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนอกช่วงโควิด-19

นายอธิศ รุจิรวัฒน์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรีคอนซูมเมอร์ และประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อบุคคลในปี 2568 ยากกว่าปีก่อน จากสภาพแวดล้อมไม่เอื้อต่อการเติบโต ด้วยปัจจัยลบต่างๆ เช่น ภาวะหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพียังสูง ความไม่แน่นนอนการเมือง สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ล้วนมีผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคหลายกลุ่มเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่ายจากความกังวล จากภาวะต่างๆ อีกทั้งสถาบันการเงินมีแนวโน้มเพิ่มความเข้มงวดอนุมัติสินเชื่อ เพิ่มคุมความเสี่ยง นับว่าปีนี้เป็นปีที่ท้าทายมาก

ในช่วงครึ่งแรกเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนภาพรวมตลาดบัตรฯ พบว่า ทุกดัชนีชี้วัดแทบจะไม่เติบโต มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ที่ 1.13 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 0.8% หรือ “แทบไม่โต”, จำนวนบัตรฯ ที่ 26.23 ล้านบัตร ลดลง 0.6% และยอดสินเชื่อคงค้างผ่านบัตรฯ ที่ 458,000 ล้านบาท ลดลง 2.5% ยอมรับเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมากก่อน ยกเว้นช่วงโควิด -19

‘บัตรฯ-สินเชื่อบุคล’ โตยาก  กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ชี้คนรัดเข็มขัด

ขณะที่ แนวโน้มช่วงครึ่งหลังประเมินภาพรวมตลาดบัตรฯ อาจจะซึมตัวลงต่อ หรือพลิกกลับมาก็ได้โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ของทุกปีเป็นช่วงมีการจับจ่ายมากที่สุดรอติดตามหากตลาดยังสามารถที่จะเติบโตเท่าปีก่อนได้ ถือว่าดีแล้ว และจะทำให้ทั้งปีนี้ภาพรวมตลาดบัตรฯ น่าจะยังทรงตัวเติบโตเท่าปีก่อน

นอกจากนี้ หลังจาก กนง. ลดดอกเบี้ย เพิ่มเติมอีก 0.25% หวังช่วยกระตุ้นการบริโภคมากขึ้น ทำให้มีเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น แต่คงต้องติดตามสถานการณ์ในระยะยาวว่าจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ เพราะบรรยากาศการจับจ่ายใช้ของผู้บริโภคตอนนี้ แม้แต่กลุ่มระดับบนยังคงระมัดระวังการใช้จ่ายในสภาพแวดล้อมยังซึม

ด้านแนวโน้มหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) คาดน่าจะทรงตัวเช่นเดียวกับที่ผ่านมา ณ เดือนมี.ค.2568 อยู่ที่ 2.6% ใกล้เคียงช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 2.7% หากเทียบครึ่งแรกลดลงเหลือ 1.2% เพราะความไม่มั่นใจทำให้คนยังรัดเข็มขัด ประหยัดไม่อยากใช้จ่าย ลดการใช้ของฟุ่มเฟือย สะท้อนไปยังยอดสินเชื่อหดตัว

“สถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในตลาด แต่ยังหวังหากบรรยากาศต่างๆ ความเชื่อมั่นกลับมา คาดสถานการณ์ตลาดธุรกิจบัตรฯและสินเชื่อบุคคลจะพลิกกลับยังคาดหวังไตรมาส 4 จะมีสัญญาณการใช้จ่ายจะกลับมาใช้จ่ายดีขึ้น”

สำหรับครึ่งหลังยังเน้นดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง เพื่อรักษาระดับผลการดำเนินงาน โดยมุ่งสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพ พร้อมบริหารต้นทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยนำการวิเคราะห์ข้อมูลและเทคโนโลยี AI มาใช้ทำการตลาดปรับกลยุทธ์การตลาดและวิธีทำโปรโมชันโดยใช้ศักยภาพ และเครือข่ายพันธมิตรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมปรับจุดขายผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตและสินเชื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้ายิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มยอดใช้จ่ายผ่านบัตรและขยายฐานลูกค้าต่อเนื่อง

โดยคาดหวังผลดำเนินงานธุรกิจบัตรฯ ทั้งปีนี้ คาดหวังน่าจะโตทรงตัวเท่ากับปีก่อน จากครึ่งแรกเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ 191,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% และมีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 สัดส่วน 17% ,ยอดสินเชื่อใหม่ 45,400 ล้านบาท ลดลง 2.7% , ยอดสินเชื่อคงค้าง 136,000 ล้านบาท ลดลง 2.9% และยอดบัญชีลูกค้าใหม่ 273,700 บัญชี ลดลง 4.5% หรือลดลงน้อยกว่าตลาดมีจำนวนบัตรทั้งสิ้น 6.3 ล้านบัตร เพิ่มขึ้น 1.3% มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ1 สัดส่วน 14%

นายอธิป ศิลป์พจีการ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด และประธานชมรมสินเชื่อบุคคล ภายใต้สมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า สถานการณ์เดียวกับตลาดบัตรเครดิต ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องติดต่อกันมาเป็นระยะเวลา 2 ปีแล้ว หรือครึ่งแรกลดลงไปแล้วกว่า 75,000 ล้านบาท และคาดแนวโน้มยังหดตัวต่อในปีหน้า

ทั้งนี้ ภาพรวมสินเชื่อบุคคลครึ่งแรกเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน กลุ่มแบงก์ยอดสินเชื่อคงค้าง 171,700 ล้านบาท ลดลง 5.5% และกลุ่มนอนแบงก์ ยอดสินเชื่อคงค้าง 297,700 ล้านบาท ลดลง 4.6% จากผู้บริโภคทุกกลุ่มระวังใช้สินเชื่อมากขึ้น ลดการใช้จ่ายโหมดฟุ่มเฟือย รวมถึงต้องลดภาระการใช้สินเชื่อในสถานการณ์ความไม่แน่นอน จึงทำให้มีการใช้สินเชื่อที่ลดลง