‘ไทยพาณิชย์‘ ชู ’ความยั่งยืน’ เป็น ‘ดีเอ็นเอ’ องค์กร ไม่ใช่แค่มิติสิ่งแวดล้อม

‘ไทยพาณิชย์‘ ชู ’ความยั่งยืน’ เป็น ‘ดีเอ็นเอ’ องค์กร  ไม่ใช่แค่มิติสิ่งแวดล้อม

ไทยพาณิชย์ มอง ‘ความยั่งยืน’ ไม่ใช่นโยบาย แต่เป็นราก หรือดีเอ็นเอขององค์กร และความยั่งยืน ไม่ได้ตีความแค่ในมิติต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเดียว แต่คือความยั่งยืนทุกระดับ

“ความยั่งยืน ภายใต้บริบทของ “ธนาคารไทยพาณิชย์” เป็นมากกว่านโยบาย แต่เป็น “ดีเอ็นเอ” ของไทยพาณิชย์ผ่าน Core Value ขององค์กร ซึ่งการให้ความสําคัญกับความยั่งยืนนั้น เราไม่ได้ตีความแค่ในมิติต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเดียว แต่หมายถึงความยั่งยืนทุกระดับ”

กฤษณ์ จันทโนทก” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวขณะพาสื่อมวลชนมาร่วมงาน “อยู่ อย่าง ยั่งยืน” SCB LIVE SUSTAINABLY IN PHUKET Our Commitment to Sustainable Hotels” เป็นการเดินสายปรับพอร์ตโรงแรมสู่ Sustainable Hotel

โดยการนำร่องที่ 2 โรงแรมยักษ์ใหญ่ “กะตะกรุ๊ป” และหยี่เต้ง ฮอสพิทาลิตี้”
โดย “ไทยพาณิชย์” เชื่อมั่นในศักยภาพของธุรกิจท่องเที่ยวไทยที่ยังเป็น “จุดหมายปลายทาง” สำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

ผ่านการเตรียมพร้อมโรงแรมภูเก็ตให้เป็นโรงแรมแห่งความยั่งยืนเพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพการจัดงาน Global Sustainable Tourism Conference ในปี 2569 โดยมีเป้าหมายในการยกระดับ “ภูเก็ต” สู่ศูนย์กลางท่องเที่ยวยั่งยืนในปี 2570

‘ไทยพาณิชย์‘ ชู ’ความยั่งยืน’ เป็น ‘ดีเอ็นเอ’ องค์กร  ไม่ใช่แค่มิติสิ่งแวดล้อม “กฤษณ์”ฉายภาพให้เห็นว่า “ความยั่งยืน” เป็นมากกว่านโยบาย แต่เป็น “ดีเอ็นเอ” ของไทยพาณิชย์ และธนาคารก็ไม่ได้ตีความ “ความยั่งยืน”แค่ในมิติต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเดียว แต่หมายถึงความยั่งยืนทุกระดับ คือการใช้ชีวิตและการดําเนินชีวิตอย่างมีความสุขและประสบความสําเร็จ ซึ่งสิ่งที่เราให้การสนับสนุนองค์กรต่างๆนั้น เราพยายามที่จะใช้ศักยภาพ และบทบาทของเราเข้าไปช่วยเหลือใน 2-3 เรื่องเหล่านี้

ทั้งการสนับสนุนการเงินยั่งยืนแก่ลูกค้า ผ่านการเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อด้านความยั่งยืนเป็นอันดับต้นๆของประเทศ การมีหลักสูตรด้านความยั่งยืนเพื่อให้ลูกค้าธุรกิจปรับตัวสู่ความยั่งยืน เพื่อให้ลูกค้าสามารถปรับตัวและติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูก หรือกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาสังคมดียิ่งขึ้นมุ่งสู่ความยั่งยืน

และในด้านของธุรกิจโรงแรม มี 2 -3 ประเด็นที่สำคัญ ที่ทำให้เรามุ่งผลักดันเพื่อให้ประเทศมุ่งสู่ความยั่งยืน ประกอบด้วย

1.เราให้ความสำคัญด้านธุรกิจท่องเที่ยว เพราะธุรกิจท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์หลักทำให้เศรษฐกิจไทยยังมีความหวัง หากภาครัฐภาคเอกชนมุ่งให้การสนับสนุนธุรกิจด้านการท่องเที่ยว โอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะเติบโตในอนาคตก็จะมี

2. ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่กำลังเติบโตดี จากตัวเลขภาพรวมของเศรษฐกิจ หากวิเคราะห์ในแง่ของนักท่องเที่ยวในประเทศจังหวัดอื่นๆ จะติดลบ แต่ตัวเลขภูเก็ตกลับโตบวก

3.การสนับสนุนด้านความยั่งยืนให้กับลูกค้า ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นธนาคารที่มีการปล่อยสินเชื่อในจังหวัดภูเก็ตเยอะที่สุด

การสนับสนุนลูกค้าธุรกิจโรงแรมในภูเก็ต ธนาคารไทยพาณิชย์ย้ำว่า ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดเราไม่เคยทิ้งภูเก็ต ทั้งตอนช่วงโควิด ผู้ประกอบการโรงแรมในภูเก็ตอาจจะเคยใช้ธนาคารต่างชาติ ที่อัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่า แต่เมื่อวันที่เกิดวิกฤติระดับประเทศ ระดับโลกเขาก็จากไปอย่างง่ายดาย

ดังนั้น สิ่งที่เขาเองอยากสื่อสารคือ คือ เราจะอยู่เคียงข้างลูกค้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และช่วยลูกค้าวางแผนด้านความยั่งยืน แนวคิดของลูกค้าบางกลุ่มที่คิดมาหลาย 10 ปีก่อนล่วงหน้า แต่บางกลุ่มที่อาจจะยังเพิ่งเริ่มแล้วก็พยายามจะมองดูว่าจริงๆ แล้วมันกลายเป็นต้นทุนหรือไม่ ที่เราทํา sustain ความยั่งยืนของพื้นที่ และความยั่งยืนของโรงแรมทั่วไป บนโจทย์ที่เหมือนกัน

สุดท้ายเป้าหมายของธนาคารคือช่วยวางกรอบการสร้างการท่องเที่ยวภูเก็ตอย่างยั่งยืน เพราะเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยต้องพึ่งพาภูเก็ตอีกมาก เราที่มีส่วนได้ส่วนเสีย เราควรจะวางกรอบการสร้างการท่องเที่ยวหนึ่งภูเก็ตให้ไปไกลกว่าทุกวัน 10 ปี ว่าควรจะเป็นอย่างไร

สิ่งสําคัญที่เราจะมุ่งให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมคือเงินทุน ไม่ว่าจะมากหรือน้อย  เพื่อทำให้ผู้ประกอบการสามารถเป็นธุรกิจสีเขียวมากขึ้น และพร้อมสนับสนุนสินเชื่อสีเขียวในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อช่วยเปลี่ยนธุรกิจจาก Brown เป็น Less Brown
กลับมาดูในพอร์ตไทยพาณิชย์ ที่ผ่านมาปล่อยสินเชื่อสีเขียวเยอะที่สุด 185,000 ล้านบาท และทำได้เกินเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ โดยใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปีครึ่ง จากเป้าหมายเดิมคือ 3 ปี

ถามว่าพอใจหรือไม่? ถือว่า “พอใจ” และเทียบกับแบงก์อื่น เราเป็นที่หนึ่งในอุตสาหกรรม ที่หนึ่งในที่นี้ไม่ได้มองแค่บริบทจำนวนตัวเลขที่ประกาศ แต่มีอยู่หลายเรื่องประกอบกัน

  • 1.เราเป็นธนาคารแรก ที่ประกาศว่าเราจะทําตาม size phase target ซึ่งไม่ง่าย โจทย์นี้มันยากมาก
  • 2. เราบอกว่าเราจะ Net Zero ตัวเองภายในปี 2030 และทำให้ทั้งพอร์ตภายในปี 2050 ก็ต้องเป็น green ทั้งหมด ดังนั้นโจทย์มัน “ยากมาก” และจากข้อมูลล่าสุด “เราก็ยังอยู่ในทรง” ไม่ได้ออกจากภาพที่เบี่ยงเบนไป และยังได้สินเชื่อที่เยอะที่สุดในอุตสาหกรรม ผมเลยตอบได้เลยว่า “ไทยพาณิชย์เราเป็นอันดับหนึ่ง”

ดังนั้น สําหรับ “ไทยพาณิชย์” มันไม่ใช่แค่ 1.8 แสนล้านบาท ไม่ใช่แค่สินเชื่อสีเขียว แต่ทุกอย่างที่เราทําล้วนแล้วแต่มองไปสู่โอกาสในการที่จะทําให้สังคมไทย คนไทย ประเทศ และรวมถึงธนาคารไทยแห่งแรกนั้น เติบโตไปกับสังคม

“ความยั่งยืนกับไทยพาณิชย์ คือเรื่องเดียวกัน เพราะว่าไทยพาณิชย์เป็นแบงก์ไทยแบงก์แรก ที่เปิดมานานที่สุด และจะเป็นแบงก์ที่อยู่คู่กับคนไทยไปอีกร้อยปีข้างหน้า ดังนั้น ถ้าโจทย์ของความยั่งยืนไม่ใช่โจทย์หลักของเรา ผมก็ไม่รู้ว่าโจทย์อะไร เพราะเราตีความความยั่งยืนมากกว่าการปล่อยสินเชื่อสีเขียว แต่ลูกค้าพันธมิตรของเราทุกคนอยู่กับเราแล้วเติบโต สังคมเติบโต เพราะเราก็คืนโอกาสให้กับสังคมเช่นเดียวกัน ดังนั้นความยั่งยืนมันอยู่ในดีเอ็นเอของการเป็นไทยพาณิชย์

“กฤษณ์” กล่าวต่อว่า สิ่งที่ผมคิดว่าไทยพาณิชย์เราน่าจะทําได้ดี คือ สินเชื่อสีเขียวทุกวันนี้ มันยังกระจุกตัวอยู่กับกลุ่มลูกค้าขนาดกลางค่อนข้างใหญ่และใหญ่ไปเลย

ดังนั้น ทำอย่างไรให้คนระดับกลางลงล่าง มองถึงความยั่งยืน ไม่ใช่ว่าความยั่งยืนเท่ากับต้นทุนที่เพิ่ม แต่ความยั่งยืน เป็นการเซฟต้นทุนเพื่อการไปต่อ การอยู่รอดในระยะข้างหน้า ซึ่งตรงนี้เอง ไทยพาณิชย์ก็มีบทบาท มีช่องว่างที่สามารถทําให้เติมเต็มกว่านี้ ก็ต้องค่อยๆ ทำ

นอกจากเซกเมนต์ธุรกิจโรงแรมที่กำลังมุ่งไปสู่ความยั่งยืน แต่ยังมีอีกหลายเซกเตอร์ที่ไทยพาณิชย์มีการสนับสนุนให้ไปสู่ความยั่งยืนมากขึ้น โดยใช้จุดแข็งของธนาคารมาทำให้หลากหลายธุรกิจมีความยั่งยืนมากขึ้น ทั้งที่เกี่ยวข้องกับ hospitality พลังงาน อาหาร เหล่านี้ทั้งหมดเป็นธุรกิจที่เชื่อว่าต้องเร่งสร้างภูมิคุ้มกันทางด้านความยั่งยืนเพื่อให้ประเทศยั่งยืนขึ้น เช่นเดียวกับเซกเตอร์อื่นๆที่เราก็ไม่ได้ละทิ้ง เพราะเรื่อง “ความยั่งยืน” เป็นสิ่งทุกคนต้องร่วมด้วยช่วยกัน!!!

ผมเชื่อว่ามันเป็นมายาคติที่พวกเราทุกคนต้องช่วยกันลบให้ได้ว่า ความยั่งยืนมันไม่ใช่เป็นการใช้เงินเพิ่ม แต่หากเป็นการใช้ในสิ่งที่ตัวเองมีหรือเกิดประโยชน์สูงสุดก่อน”