ดอลลาร์อ่อนค่า หนุนพันธบัตรตลาดเกิดใหม่พุ่ง ผลตอบแทนทะลุ 12%

ดอลลาร์อ่อนค่า หนุนพันธบัตรตลาดเกิดใหม่พุ่ง  ผลตอบแทนทะลุ 12%

'ดอลลาร์' อ่อนค่าเกือบ 11% ในปีนี้ ทำผลงานแย่สุดในรอบ 55 ปี หนุนพันธบัตรตลาดเกิดใหม่โดดเด่น หลังผลตอบแทนทะลุ 12% ดึงเงินไหลเข้า 21,000 ล้านดอลลาร์

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าความไม่แน่นอนของนโยบายสหรัฐทำให้ผู้จัดการกองทุนทั่วโลกต้องมองหาทางเลือกการลงทุนใหม่ ๆ ส่งผลให้ “พันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นของประเทศตลาดเกิดใหม่” มีผลงานครึ่งปีแรกที่ดีที่สุดในรอบ 16 ปี

นักลงทุนหันมาสนใจ สินทรัพย์ในประเทศกำลังพัฒนามากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นเพราะไม่มั่นใจในค่าเงินดอลลาร์ซึ่งอ่อนค่าลงไปเกือบ 11% ในปีนี้ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดอลลาร์อ่อนลงคือ สงครามการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และการผลักดันนโยบายลดหย่อนภาษี ซึ่งมาตรการเหล่านี้อาจจะส่งผลให้งบประมาณของสหรัฐขาดดุลเพิ่มขึ้น 

ผลตอบแทนตลาดเกิดใหม่น่าสนใจกว่า ‘ดอลลาร์’

ปีนี้ดอลลาร์ทำผลงานแย่ที่สุด นับตั้งแต่ทศวรรษ 1970 โดยเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ถึง 19 จาก 23 สกุลที่มีการซื้อขายมากที่สุด และอ่อนค่าลงอย่างน้อย 10% เมื่อเทียบกับ 10 สกุลเงินในกลุ่มนี้

ดอลลาร์อ่อนค่า หนุนพันธบัตรตลาดเกิดใหม่พุ่ง  ผลตอบแทนทะลุ 12%

เมื่อนักลงทุนไม่มั่นใจในเงินดอลลาร์และหันไปหาสินทรัพย์อื่น ๆ ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดคือ พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยประเทศกำลังพัฒนา โดยใช้สกุลเงินของประเทศนั้นๆ มี ผลตอบแทนกว่า 12% ในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในช่วงครึ่งปีแรกนับตั้งแต่ปี 2009

ในทางกลับกันพันธบัตรที่ออกเป็นเงินดอลลาร์หรือยูโรมีผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเพียง 5.4% ในช่วงเวลาเดียวกัน นั่นหมายความว่า การลงทุนในพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ที่ใช้สกุลเงินท้องถิ่นนั้นให้ผลตอบแทนเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับพันธบัตรสกุลเงินหลัก

กองทุนตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่ เนื้อหอม!

เอ็ดวิน กูติเอเรซ หัวหน้าฝ่ายหนี้สาธารณะตลาดเกิดใหม่ของ Aberdeen Group Plc กล่าวว่า “ผมไม่คิดว่าใครจะคาดการณ์ว่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงมากขนาดนี้ และถึงแม้จะคาดการณ์ว่า พันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นของตลาดเกิดใหม่จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ก็ไม่คิดว่าจะทำผลงานได้โดดเด่นแซงหน้าพันธบัตรสกุลเงินแข็งได้มากขนาดนี้”

กองทุนตราสารหนี้ของประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Markets หรือ EM) กำลังเนื้อหอมอย่างมาก โดยในปีนี้สามารถดึงดูดเงินลงทุนไปแล้วกว่า 21,000 ล้านดอลลาร์ จากข้อมูลของ EPFR Global ความน่าสนใจนี้เห็นได้ชัดจากที่กองทุนเหล่านี้มีเงินทุนไหลเข้าต่อเนื่องมาแล้ว 11 สัปดาห์ติดต่อกัน และเฉพาะในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็สามารถดึงดูดเงินทุนได้สูงถึง 3,100 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว

สิ่งที่ยิ่งทำให้การลงทุนในตลาดเกิดใหม่น่าสนใจมากขึ้นคือ แนวโน้มที่ประเทศกำลังพัฒนาจะลดอัตราดอกเบี้ย

Lewis Jones จาก William Blair Investment Management คาดว่า “ธนาคารกลางของประเทศเกิดใหม่จะสามารถลดอัตราดอกเบี้ยได้มากกว่าเดิม และคาดว่า เงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร ซึ่งจะทำให้นักลงทุนในยุโรปมองว่าแนวโน้มดังกล่าวอาจน่าสนใจยิ่งขึ้นในอนาคต"