'พันธบัตรเอเชีย' จ่อฟื้นตัว ยกเว้น 'ไทย' เหตุปมการเมืองฉุดเชื่อมั่น

คาด ‘พันธบัตรเอเชีย’ กลับมาสดใส จากสกุลเงินแกร่ง-แนวโน้มลดดอกเบี้ย ดึงเงินทุนไหลกลับ
ยกเว้น 'ไทย' เหตุปมการเมืองภายในฉุดความเชื่อมั่น
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ตลาดพันธบัตรใน “เอเชีย” กำลังจะกลับมาดึงดูดนักลงทุนต่างชาติอีกครั้ง สาเหตุหลักมาจากสกุลเงินท้องถิ่นที่มีความยืดหยุ่น และแนวโน้มที่ธนาคารกลางในภูมิภาคจะปรับ “ลดอัตราดอกเบี้ย”
ก่อนหน้านี้ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา กองทุนจากทั่วโลกได้ถอนเงินออกจากพันธบัตรของอินเดีย ไทย และอินโดนีเซียรวมกันถึง 980 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอล และอิหร่านที่รุนแรงขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนหันไปหาพันธบัตรที่ปลอดภัยกว่า และเกิดความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่จะสร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ
แต่ในปัจจุบัน ความกังวลเหล่านั้นได้คลี่คลายลงแล้ว ทำให้เงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลง และสิ่งนี้ก็ช่วยให้ภาพรวมของอัตราเงินเฟ้อในภูมิภาคเอเชียที่อยู่ในระดับที่ดีขึ้น ทำให้ตลาดพันธบัตรเอเชียดูน่าสนใจขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างชาติ
‘อิสราเอล-อิหร่าน’ คลี่คลาย ฉุดดอลลาร์อ่อนค่า
Khoon Goh หัวหน้าฝ่ายวิจัยเอเชียของ Australia & New Zealand Banking Group Ltd. ในสิงคโปร์ กล่าวว่า “การที่เงินทุนไหลออกจากพันธบัตรในบางประเทศเหล่านี้จำนวนมาก เกิดขึ้นหลังจากที่อิสราเอลโจมตีอิหร่าน”
“ในขณะนี้ ปัญหาในตะวันออกกลาง คลี่คลายแล้ว และเงินดอลลาร์ก็กำลังเผชิญกับแรงกดดันให้อ่อนค่าลงอีกครั้ง เราจึงคาดว่าจะได้เห็นเงินทุนไหลกลับเข้าสู่ตลาดพันธบัตรในประเทศต่างๆ ทั่วเอเชีย” Goh กล่าว
นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศการหยุดยิงระหว่างอิสราเอล และอิหร่านเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์ก็อ่อนค่าลงอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สกุลเงินของทุกประเทศในเอเชียแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์
นอกจากนี้ สัญญาณที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐยังกระตุ้นให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในไม่ช้า ซึ่งนั่นอาจเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียสามารถผ่อนคลายนโยบายการเงินตามได้เช่นกัน
กองทุนลังเลเทเงินเข้า ‘ไทย’
เศรษฐกิจในหลายประเทศของเอเชียได้รายงานอัตราเงินเฟ้อโดยรวมในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาว่า ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ ซึ่งปัจจัยนี้ยิ่งช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดใจให้กับตลาดพันธบัตรในภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกปัจจัยที่จะเอื้อต่อการไหลเข้าของเงินทุนในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองทุนทั่วโลกอาจยังลังเลที่จะลงทุนใน “ประเทศไทย” หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้
“แพทองธาร ชินวัตร” หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราวตั้งแต่ 1 ก.ค.2568 เป็นต้นไป จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาด ให้ส่งเอกสารชี้แจงภายใน 15 วัน
Goh จาก ANZ กล่าวว่า “การไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศอาจลดลงในระยะใกล้” สำหรับประเทศไทย
อย่างไรก็ดี แม้จะมีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่อาจทำให้เงินลงทุนในบางประเทศชะลอตัวลง เช่น สถานการณ์การเมืองในประเทศไทย แต่ภาพโดยรวมของตลาดเอเชียยังคงมีแนวโน้มสดใส ปัจจัยส่วนใหญ่ยังคงบ่งชี้ว่าจะมีเงินทุนจากต่างชาติไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชียเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งให้ผลตอบแทนของพันธบัตรในภูมิภาคลดลง และการที่ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลลดลงนี้ จะช่วยสนับสนุนความพยายามในการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศต่างๆ ในเอเชีย
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







