ธปท.ชี้ 4 ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจ เกาะติด ‘การเมือง’ ในประเทศ

ธปท.ชี้ 4 ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจ เกาะติด ‘การเมือง’ ในประเทศ

ธปท.คาด ศก.ไทยระยะข้างหน้ายัง “ชะลอลง” เหตุ “ท่องเที่ยว-ส่งออก” ไม่ฟื้น จับตา 4 ปัจจัยฉุดรั้ง “นโยบายการค้า - ท่องเที่ยว - การแข่งขันธุรกิจ - ความขัดแย้งใน และนอกประเทศ”

KEY

POINTS

  • ธปท.คาดเศรษฐกิจไทยระยะข้างหน้ายัง “ชะลอลง” เหตุ “ท่องเที่ยว - ส่งออก” ยังไม่ฟื้น
  • จับตา 4 ปัจจัยฉุดรั้ง “นโยบายการค้า - พัฒนาการท่องเที่ยว - การแข่งขันธุรกิจ - ความขัดแย้งใน และนอกประเทศ”
  • เศรษฐกิจไทยเดือนพ.ค.ยังชะลอต่อเนื่อง “ท่องเที่ยว - รัฐใช้จ่าย” วูบหนัก
  • ยันบาทแข็งค่าสอดคล้องปัจจัยพื้นฐาน และสกุลอื่น
  • “กอบศักดิ์” ชี้เศรษฐกิจไทยปีนี้ “ยาก - ไม่ง่าย” เสี่ยงต่ำ 1.5% ห่วงการเมืองฉุดท่องเที่ยว

สถานการณ์เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นจากผลกระทบของนโยบายภาษีตอบโต้ของสหรัฐที่ใกล้กำหนดเส้นตายระยะผ่อนปรนภาษี รวมถึงสถานการณ์เสถียรภาพการเมืองไทยกำลังถูกเพิ่มน้ำหนักต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจไทย

นางสาวปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มกิจกรรมทางเศรษฐกิจไทยระยะต่อไปชะลอลงตามแรงส่งจากภาคท่องเที่ยว และการส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอ แต่การผลิตภาคยานยนต์มีสัญญาณดีขึ้นโดยเฉพาะรถยนต์นั่ง โดยระยะต่อไปต้องติดตาม คือ

1.นโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก 2.พัฒนาการของภาคการท่องเที่ยว 3. การปรับตัวของภาคธุรกิจที่ต้องเผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้น และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และ 4. ความเสี่ยงจากภูมิรัฐศาสตร์ และปัจจัยการเมืองภายในประเทศ 

“ปัจจัยการเมืองในประเทศ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ ธปท.ติดตามในระยะข้างหน้า ขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจระยะข้างหน้าต้องติดตามการท่องเที่ยว และการส่งออกสินค้าที่มีแนวโน้มชะลอลง แม้ว่า ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ เดือนมิ.ย. 2568 ปรับเพิ่มขึ้นจากทั้งภาคการผลิต และภาคที่มิใช่การผลิต แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจยังเป็นอุปสรรคในลำดับต้น”

ธปท.ชี้ 4 ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจ เกาะติด ‘การเมือง’ ในประเทศ
เศรษฐกิจเดือนพ.ค. ชะลอตัวเล็กน้อย 

ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจ และการเงินเดือนพ.ค.2568 ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน จากการผลิตภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการด้านการค้า การขนส่ง และการท่องเที่ยว โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.6% จากเดือนก่อน จากหมวดอาหาร เครื่องดื่ม อิเล็กทรอนิกส์ ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ เพราะบางส่วนเร่งผลิตเพื่อเติมสินค้าคงคลังไปแล้ว ประกอบกับมีปัจจัยชั่วคราวจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมัน 

ด้านการท่องเที่ยวชะลอตัวต่อเนื่อง จากรายรับการท่องเที่ยวลดลง 7% จากเดือนก่อน ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 2.3 ล้านคน ลดลง 2.9% จากเดือนก่อน โดยเฉพาะกลุ่มเดินทางระยะไกล (long-haul) อาทิ ออสเตรเลีย และยุโรป ไม่รวมรัสเซีย ที่มีค่าใช้จ่ายต่อทริปสูงเป็น 2 เท่า ของกลุ่มนักเดินทางระยะสั้น (short-haul) แต่กลุ่มนักเดินทางระยะสั้น เพิ่มขึ้นหลายสัญชาติ อาทิ จีน มาเลเซีย และญี่ปุ่น

ด้านการลงทุนภาคเอกชนลดลง 0.6% จากเดือนก่อน หลังเร่งไปในเดือนก่อน ส่วนการบริโภคภาคเอกชน ขยายตัว 0.2% หรือทรงตัว จากเดือนก่อน โดยหมวดสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่หมวดบริการปรับลดลง รวมทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่อเนื่อง 4 เดือนติดต่อกัน จากความกังวลต่อความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐ และเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้า รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือน และธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง เช่นเดียวกับความเชื่อมั่น ปรับลดลง

การใช้จ่ายภาครัฐหดตัว 18.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากทั้งรายจ่ายประจำ และลงทุนของรัฐบาลกลางจากผลของฐานสูงในปีก่อนที่มีการเร่งเบิกจ่ายหลัง พ.ร.บ. งบประมาณปี 2567 มีผลบังคับใช้ แต่หากเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต รายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลกลางยังขยายตัวจากปีก่อนตามการเบิกจ่ายเงินบำนาญ ค่าตอบแทนบุคลากร และค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ และการเบิกจ่ายลงทุนของหน่วยงานด้านคมนาคม และโครงสร้างพื้นฐาน ตามลำดับ สำหรับการลงทุนของรัฐวิสาหกิจหดตัวเล็กน้อยจากระยะเดียวกันปีก่อนตามการเบิกจ่ายในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน

อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น 8.6% เดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 17.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะหมวดอิเล็กทรอนิกส์ตามอุปสงค์โลกที่ดีต่อเนื่อง และการเร่งส่งออกในช่วงระยะผ่อนผันการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ ขณะที่ ภาคยานยนต์มีสัญญาณฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์นั่งที่ปรับดีขึ้น ทั้งการผลิต และยอดขายในประเทศ

  “เงินเฟ้อ” ลดลงจากเดือนก่อน 

นางสาวปราณี กล่าวว่า ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจไทย อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ -0.57% หรือ ลดลงจากเดือนก่อนจากหมวดอาหารสด ขณะที่อัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานติดลบใกล้เคียงกับเดือนก่อน อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน อยู่ที่ 1.09% หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามราคาอาหาร สำเร็จรูป 

ด้านตลาดแรงงานปรับดีขึ้น 0.3% จากเดือนก่อน ตามจำนวนผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงสัดส่วนผู้ขอรับสิทธิว่างงานรวม และรายใหม่ปรับลดลง 

ขณะที่ ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 300 ล้านดอลลาร์ จากดุลบริการ รายได้ และเงินโอน อย่างไรก็ดี ขาดดุลลดลงจากเดือนก่อนตามดุลการค้าที่กลับมาเกินดุล 

ธปท.ชี้ 4 ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจ เกาะติด ‘การเมือง’ ในประเทศ

ทางด้าน เงินบาทต่อดอลลาร์ ณ 25 มิ.ย.2568 อยู่ที่ 32.63 บาท หรือ ในเดือนพ.ค. และ มิ.ย.68 “ปรับแข็งค่าขึ้น” จากเดือนก่อน ตามพัฒนาการของนโยบายการค้าสหรัฐ ที่ปรับดีขึ้นเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินบาท ในปัจจุบันยังสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน และสกุลอื่นในภูมิภาค ที่ผ่านมา ธปท. ได้เข้ามาดูแลตามปกติ 

“ปัจจัยที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น จากปัจจัยภายนอก คือ ดอลลาร์ที่อ่อนเป็นสำคัญ หรืออ่อนค่าลงมาต่ำสุด รอบ 13 ปี คนเริ่มขายดอลลาร์ถืออย่างอื่นแทน ยังต้องติดตามพัฒนาการต่อไป”

ธปท.ชี้ 4 ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจ เกาะติด ‘การเมือง’ ในประเทศ
 

“กอบศักดิ์” คาดเศรษฐกิจไทยเสี่ยงต่ำ1.5%

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยว่า ในช่วงปลายปีที่แล้ว ธนาคารกรุงเทพคาดการณ์เศรษฐกิจไทยคาดขยายตัวที่ระดับ 3% อยู่ภายใต้การประมาณการเติบโตจากหลายปัจจัยขับเคลื่อนทั้งจาก การส่งออก การท่องเที่ยว การลงทุนโดยตรง และมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตต่อเนื่อง

แต่ในช่วงไม่กี่เดือนธนาคารได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจลงเหลือ 2% ภายใต้ และคาดว่าเศรษฐกิจไทยมีโอกาสขยายตัวต่ำไปที่ระดับ 1.5% ได้ จากความเสี่ยงขาลง downside มากขึ้น จากหลายแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำกว่าเป้าหมาย โดยเฉพาะส่งออก และท่องเที่ยว รวมแผ่นดินไหว และผลกระทบจากสงครามการค้าจาก “ทรัมป์” รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้น ดังนั้นยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ถือว่า “ยาก” และ “ไม่ง่าย” ในการรักษาการเติบโตในปีนี้

หลักๆ จากแรงต้านที่มีมากขึ้น ส่งออกอาจไม่ได้ดีเหมือนที่คาดการณ์ไว้ แม้ครึ่งปีแรกส่งออกเติบโตได้ดี จากการเร่งส่งออกเพื่อหนีภาษี แต่ครึ่งปีหลัง การซื้อเพื่อสต๊อกอาจลดลง ทำให้แรงส่งจากการส่งออกหายไป

ห่วงการเมืองฉุดท่องเที่ยวไทย

ทั้งนี้ ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยยังมาจาก ความไม่แน่นอนทางการเมือง จากปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวลังเลที่จะเดินทางมา และปัจจุบันการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ทำให้ประเทศไทยไม่ได้เป็นอันดับหนึ่งในภาคการท่องเที่ยวอีกต่อไป สวนทางกับญี่ปุ่น และมาเลเซียที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมามากขึ้น

“ในอดีตเลยเคยเจอผลกระทบมาหลายด้าน ที่กระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ทั้งสึนามิ ไข้หวัดนก เผาเมือง ประท้วงต่างๆ แต่เหตุการณ์ทั้งหมดจะจบภายใน 4 เดือน นักท่องเที่ยวก็จะกลับมา แต่ครั้งนี้ผ่านไปแล้ว 5 เดือนนักท่องเที่ยวยังไม่กลับ ท่องเที่ยวเรากลายเป็นติดลบ ดังนั้นการฟื้นตัวเป็นเรื่องที่ท้าทายมากหลังจากนี้”

จับตาร้านอาหาร-โรงงานปิดตัว

นอกจากนี้ ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยยังมาจากปัญหาการเมือง และความล่าช้าในการขับเคลื่อนนโยบาย ที่ลดทอนความกระฉับกระเฉงในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของภาครัฐให้ลดลง จากความไม่แน่นอนทางการเมืองต่างๆ ที่กระทบทำให้ภาคธุรกิจเกิดความลังเลใจในการตัดสินใจลงทุนหรือดำเนินธุรกิจมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ถามว่าปัจจัยทางการเมืองจะรุนแรง หรือกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากน้อยแค่ไหน วันนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินสถานการณ์ออก ว่าจะจบลงอย่างไร และกระทบต่อเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน และหากดูในอดีต ประเทศไทยก็เคยมีในช่วงที่เศรษฐกิจยังสามารถไปได้แม้มีเหตุการณ์ทางการเมือง

“การเติบโตของเศรษฐกิจที่ระดับ 2% ยอมรับยาก และไม่ง่าย เพราะมีความเสี่ยงมากขึ้น ข้างนอกประเทศทรัมป์ก็พร้อมทำในสิ่งที่คาดการณ์ได้ยาก ความขัดแย้งจากสงครามภูมิรัฐศาสตร์ก็มีความไม่แน่นอนสูง เรื่องท่องเที่ยวก็น่ากังวลใจ ดังนั้นประเทศขณะนี้น่ากังวล หากถามนักธุรกิจ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองก็คงกลัว และอาจชะลอการลงทุนได้ ดังนั้นเรามองว่าเศรษฐกิจไทยกรณีแย่ๆ อาจลงไปได้ที่ระดับ 1.5%”

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์