ราคาทองคำโลกทรงตัว นักลงทุนรอข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ

ราคาทองคำโลกทรงตัว นักลงทุนรอข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ

ราคาทองคำโลกทรงตัวในวันพฤหัสบดี นักลงทุนรอข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ขณะที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางคลี่คลาย หลังสงครามอิสราเอล-อิหร่านยุติลง แพลตตินัมพุ่งขึ้น

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานภาวะตลาดทองคำโลกวันพฤหัสบดี (26 มิ.ย.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทยว่า ราคาทองคำโลกทรงตัว เนื่องจากนักลงทุนรอข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย และจับตาดูตะวันออกกลางขณะที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์คลี่คลายลง ขณะที่แพลเลเดียมและแพลตตินัมพุ่งขึ้นแรง

ราคาทองคำในตลาดสปอต (Spot Gold) ทรงตัวที่ 3,333 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 14.27 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกสหรัฐ (18.27 น. GMT)

ราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐฯ(Gold Futures) ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 0.2% ที่ 3,348 ดอลลาร์

  • อัปเดตราคาเช้านี้ (27มิ.ย.) ทองร่วงลง

บลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาทองคำร่วงลง 0.4% อยู่ที่ 3,315.30 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 8.30 น. ตามเวลาสิงคโปร์ ในสัปดาห์นี้ทองคำร่วงลงแล้วประมาณ 1.5% 

"ราคาทองคำร่วงลงในช่วงไม่กี่เซสชันที่ผ่านมา เนื่องจากการผ่อนคลายความตึงเครียดในตะวันออกกลาง นอกจากนี้ ยังมีแรงกดดันจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ตลาดรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งยังคงล่าช้า ท่ามกลางการคาดการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากมาตรการภาษีในยุคทรัมป์" เดวิด เมเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายซื้อขายโลหะที่ High Ridge Futures กล่าว

รอยเตอร์รายงานว่า ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง รวมเป็น 0.5% ในปีนี้ โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน นักลงทุนกำลังจับตาดูข้อมูลการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์เพื่อจับสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) โดยเฟดให้ความสำคัญกับเครื่องวัดเงินเฟ้อนี้มากเป็นพิเศษ

ทองคำที่ไม่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยเติบโตได้ดีในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนและเงินเฟ้อ แต่ดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้ทองคำไม่น่าดึงดูดใจอีกต่อไป

ในส่วนอื่น ราคาโลหะเงินในตลาดสปอตพุ่งขึ้นเกือบ 1% สู่ระดับ 36.63 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน

"หากเงินทะลุ 37.50 ดอลลาร์ได้ ก็มีแนวโน้มว่าราคาจะสูงขึ้น" ไมเคิล มาตูเซก หัวหน้าเทรดเดอร์ที่ U.S. Global Investors กล่าว

แพลเลเดียม แพลตตินัมพุ่งขึ้นแรง

แพลเลเดียมพุ่งขึ้นกว่า 8% สู่ระดับ 1,136.68 ดอลลาร์ หลังจากแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2024 ส่วนแพลตตินัมพุ่งขึ้น 5.1% สู่ระดับ 1,423.26 ดอลลาร์ โดยพุ่งขึ้นใกล้ระดับสูงสุดที่ทำไว้ในเดือนกันยายน 2014

“ความแข็งแกร่งของราคาแพลตตินัมและแพลเลเดียมเป็นเพียงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน ซึ่งสะท้อนถึงการซื้อเก็งกำไร โดยนักลงทุนบางส่วนเพิ่มปริมาณสินค้าคงคลังของตนเพราะเชื่อว่าราคานั้นถูกประเมินค่าต่ำเกินไปเนื่องจากตลาดมีภาวะตึงตัว” เจฟฟรีย์ คริสเตียน ผู้จัดการหุ้นส่วนของ CPM Group กล่าว

ในเดือนพฤษภาคมสภาการลงทุนแพลตตินัมโลก (World Platinum Investment Council :WPIC) รายงานว่าความต้องการเครื่องประดับแพลตตินัมในจีนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ซัพพลายขาดแคลนเลวร้ายลง

คริสเตียนกล่าวเสริมว่าแพลตตินัมอาจแตะระดับ 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าและร่วงลงมาที่ 1,200 ดอลลาร์ในอีกสองสัปดาห์ ในขณะที่แพลเลเดียมอาจร่วงลงมาที่ประมาณ 1,050 ดอลลาร์อีกครั้งในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม