ผ่าพอร์ตลงทุนรับ ‘พายุ’ ครึ่งหลัง ชู หุ้นปันผล - บุ๊กต่ำ - พื้นฐานดี

ภาคเอกชน มองท่ามกลางโลกปั่น ตลาดหุ้นไทยลดลง เชื่อหุ้นไทยยังมีจังหวะลงทุน แนะคัดหุ้นปันผลสูง บุ๊กแวลูต่ำ พื้นฐานดี ฝ่าพายุครึ่งปีหลัง
“ชวินดา หาญรัตนกูล” กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) มองว่าภายใต้ความท้าทายที่ยังคงมีอยู่รอบด้าน ยังเชื่อว่าเป็นโอกาสการลงทุนครึ่งปีหลัง โดยมองตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจ จากอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) ของตลาดหุ้นไทยนั้นไม่ได้แย่ไม่ได้สูงกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค บ่งบอกว่าราคาหุ้นโดยรวมไม่ได้แพงเกินไปเทียบกับกำไรที่บริษัททำได้
นอกจากนี้ ในส่วนของบุ๊กแวลู ของบางบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ถือว่าอยู่ระดับต่ำกว่า 1 เท่า ที่ถือเป็นจุดดึงดูดนักลงทุน อีกจุดแข็งคือการปันผลของบริษัทในตลาดหุ้นไทยที่สูงอันดับต้นๆ ของเอเชีย เฉลี่ยอยู่ที่ 4.4%
ทั้งนี้ หากดูทั้งในแง่มูลค่า และแวลูของตลาดโดยรวม ทำให้เริ่มเห็นกองทุนเริ่มทยอยเข้าลงทุนแล้ว ดังนั้น มองจังหวะนี้เป็นช่วงของการ “เก็บของ” โดยกลุ่มที่น่าสนใจคือ กลุ่มบริโภค กลุ่มโทรคมนาคม กลุ่มธนาคาร ที่มองว่ายังมีศักยภาพ และน่าสนใจลงทุน
“วิน พรหมแพทย์” CFA, ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย จำกัด มองว่าภายใต้ “พายุ” เข้า ที่คาดการณ์ได้ยาก ว่าพายุลูกนี้จะใหญ่แค่ไหน กระทบใครบ้าง สิ่งสำคัญสำหรับการลงทุนคือ การจัดพอร์ตตัวเองให้รองรับพายุเข้ามาให้รอด
ดังนั้น การลงทุนที่เหมาะสม ต้องเน้นจัดพอร์ตเป็น Core Portfolio เน้นกระจายความเสี่ยงไปในหลายหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์ กระจายการลงทุนไปในทั่วโลก เพื่อให้พอร์ตสามารถต้านทานพายุได้ และหุ้นที่ยังน่าสนใจคือ หุ้นปันผลสูง โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงาน สื่อสาร อสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร
“ในจังหวะที่มีความท้าทายอยู่มาก ถ้าเราจะรอให้ทุกอย่างชัดเจนคลี่คลาย เราก็จะซื้อของแพงตรงกันข้ามเราควรจะกล้าลงทุนในวันที่ทุกคนกลัวสุดขีด ที่จะทำให้เรารับผลตอบแทนที่ค่อนข้างดี สะท้อนการลงทุนสวนกระแส ท่ามกลางตลาดที่อยู่ในภาวะ Panic Selling และขายเมื่อตลาดอยู่ในภาวะที่นักลงทุนมีความมั่นใจและยอมจ่ายในราคาที่สูงขึ้น”
“กรภัทร วรเชษฐ์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บล.กรุงศรี กล่าวว่า มีบางกลุ่มธุรกิจในตลาดหุ้นไทยที่นักลงทุนต้องเลือกลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ได้รับผลกระทบจากรถอีวี และอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัว
ส่วนกลุ่มที่ยังเติบโตได้ และทนทานกับสภาวะตลาดปัจจุบัน เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า ที่รายได้เติบโตสม่ำเสมอผันผวนต่ำ ค้าปลีก กลุ่มธนาคารพาณิชย์ แม้ดอกเบี้ยลงแต่หากเศรษฐกิจฟื้น แนวโน้มการลงทุนใหม่ การขอสินเชื่อใหม่จะเป็นโอกาสดีสำหรับกลุ่มนี้
“กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์” ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจ โดยบริษัทจดทะเบียนยังคงมีรายได้เพิ่มขึ้น และกำไรยังเพิ่มขึ้น บางแห่งจ่ายปันผลยังอยู่ในเกณฑ์ดี
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ภายใต้ตลาดหุ้นไทยที่ยังมีความผันผวนสูง สิ่งสำคัญในการลงทุนคือ การ “กระจายความเสี่ยง” ในการเลือกหุ้น โดยเน้นในหุ้นที่มีผลการดำเนินงานที่ดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลที่ดีเกิน 5% ซึ่งวันนี้มีอยู่จำนวนมากในตลาดหุ้นไทย เพราะการปันผลสูงสะท้อนการสร้างกระแสเงินสด และผลตอบแทนที่สม่ำเสมอให้กับนักลงทุนได้ นอกจากนี้หุ้นที่น่าสนใจคือ หุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี หรือ บุ๊กแวลูที่ยังเติบโตได้ระยะสั้น
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์