นักลงทุนเดิมพัน 'ออปชั่นน้ำมัน' ขาขึ้นพุ่ง หลัง ‘อิสราเอล-อิหร่าน’ ตรึงเครียด

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลต่ออิหร่าน และการตอบโต้จากอิหร่าน ทำให้ตลาดการลงทุนปั่นป่วน  ส่งผลให้นักลงทุนรีบหาทางป้องกันความเสี่ยงใน “ตลาดออปชั่น” จากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ที่ยังไม่รู้ว่าจะยืดเยื้อแค่ไหน

เทรดเดอร์โดดเก็งกำไรตั้ง Call Option น้ำมันดิบ

ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส คาดการณ์ว่า การปิดช่องแคบฮอร์มุซอาจทำให้ราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งสูงถึง 130 ดอลลาร์ต่อบารร์เรล ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจะเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อทั่วโลก

เมื่อสถานการณ์ความตึงเครียดเพิ่มขึ้น นักลงทุนจึงหันไปให้ความสนใจ  call options   (สิทธิซื้อ) หรือการเดิมพันว่าราคาจะปรับตัวขึ้น ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เห็นผลชัดเจนเมื่อเครื่องบินของอิสราเอลเริ่มโจมตีหลังจากตลาดเอเชียเปิดทำการในวันศุกร์

ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยราคาฟิวเจอร์สพุ่งขึ้นไปถึง 14% การที่นักลงทุนเดิมพันใน call options อย่างตื่นตระหนก ส่งผลให้ราคาปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนในปี 2565 และความตรึงเครียดตลอด 3 วันที่ผ่านมายังทำให้เกิดการประมูลซื้อขายเพิ่มเติมอีกด้วย

จำนวนสัญญาออปชั่นที่ยังเปิดอยู่ (Open Interest) สำหรับการซื้อขายน้ำมันเหล่านี้พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันศุกร์ โดยมีการเพิ่มสัญญาใหม่คิดเป็นมูลค่าเกือบ 38 ล้านบาร์เรลตลอดทั้งสัปดาห์ จากการที่นักลงทุนเข้าซื้อขายเพื่อป้องกันความเสี่ยงในรูปแบบต่างๆ กัน

Robert Yawger จาก Mizuho Securities USA ให้ความเห็นว่า “นักเก็งกำไรมักจะรีบ ซื้อออปชั่น ใดๆ ก็ตามที่ปรากฏบนหน้าจอให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่สนใจว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ โดยเฉพาะนักเก็งกำไรบางรายที่กำลังป้องกันความเสี่ยงจากสถานะขายชอร์ต ของตัวเองด้วย”

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลแค่ราคาปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังทำให้การคาดการณ์ราคาน้ำมันในอนาคตเปลี่ยนไปอย่างมากภายในไม่กี่วัน ซึ่งกระทบกับการซื้อขายน้ำมันจำนวนมากที่นักลงทุนใช้เดิมพันกับส่วนต่างราคาของน้ำมันในแต่ละเดือนที่ต้องส่งมอบ

ก่อนหน้านี้ ตลาดเคยคาดการณ์ว่าปีหน้าจะมีน้ำมันล้นตลาด   แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ผู้ค้าจะต้องจ่ายเงินแพงขึ้นหากต้องการน้ำมันทันที เมื่อเทียบกับการซื้อน้ำมันที่จะส่งมอบในอนาคต ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความต้องการน้ำมันตอนนี้มีสูงมาก และคนพร้อมจ่ายแพงกว่าเพื่อให้น้ำมันมาถึงมือเลย

แห่ซื้อ ‘ทองคำ’ สูงสุดในรอบ 2 เดือน

การซื้อขายทองคำในตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งเป็นผลมาจากความตึงเครียดระหว่างประเทศที่ปะทุขึ้น อัตราการซื้อทองคำในระยะเวลา 1 เดือนของกองทุน SPDR Gold Shares ETF (GLD) ได้เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 2 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา ส่วนราคาของทองคำเองก็พุ่งขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง 

Phil Streible หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดจาก Blue Line Futures ให้ความเห็นว่า “ทุกครั้งที่สถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศรุนแรงขึ้น นักลงทุนจะหันไปเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ” อย่างเช่น ทองคำ นอกจากนี้ นักลงทุนอาจจะขยายการลงทุนและย้ายเงินไปลงทุนในเงินด้วยเช่นกัน

หุ้นสหรัฐต้านทานความเสี่ยง  

ความตรึงเครียดที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลางล่าสุดได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นให้เกิดความผันผวนตามที่คาดการณ์ไว้ โดยดัชนีความผันผวน Cboe (VIX) หรือที่เรียกอีกอย่างว่า "ดัชนีความกลัว" เป็นดัชนีตลาดแบบเรียลไทม์ที่แสดงถึงความผันผวนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของตลาดใน 30 วันข้างหน้า  มีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณว่านักลงทุนคาดการณ์ว่าตลาดจะยังคงมีความปั่นป่วนอยู่ในระดับสูง

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนในตลาดเริ่มปรับตัวและคุ้นเคยกับความผันผวนที่เกิดขึ้น และโดยปกติแล้ว การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศมักจะคลี่คลายอย่างรวดเร็วเมื่อความตึงเครียดลดลง แม้ว่าตลาดหุ้นจะร่วงลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ดัชนี S&P 500 ที่ลดลงกว่า 1% มีแนวโน้มว่าจะสามารถรับมือกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ 

ตลาดไม่กังวล ‘ดอลลาร์’ อ่อนค่า

แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์จะลดลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ก็มีสัญญาณให้เห็นแล้วว่าการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์กำลังจะสิ้นสุดลง เนื่องจากการโจมตีล่าสุดก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปมากนัก

นอกจากนี้ ดัชนี Bloomberg Dollar Spot Index สะท้อนให้เห็นความผันผวนที่ลดลงนับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย. รวมถึงเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วย ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนมองว่าความเสี่ยงที่เงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงไปอีกนั้นลดน้อยลงแล้ว

อ้างอิง Bloomberg