‘เคเคพี’ ผนึก ‘โกลด์แมนแซคส์’ รุก‘เวลท์’ ปั้นผลตอบแทนโต 16% ยาว 5 ปี

‘เคเคพี’ ผนึก ‘โกลด์แมนแซคส์’ รุก‘เวลท์’ ปั้นผลตอบแทนโต 16% ยาว 5 ปี

“กลุ่มการเงินเกียรตินาคินภัทร”ประกาศพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ร่วมโกลด์แมนแซคส์ เปิดประตูสู่การลงทุนระดับโลกหนุนรักษาการเติบโตต่อเนื่องในอีก3-5ปีเกิน 16%

‘เคเคพี’ ผนึก ‘โกลด์แมนแซคส์’ รุก‘เวลท์’ ปั้นผลตอบแทนโต 16% ยาว 5 ปี ล่าสุด “กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร” ประกาศการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ Goldman Sachs Asset Management ซึ่งเป็นบริษัทวาณิชธนกิจและบริษัทจัดการการลงทุนระดับโลก เพื่อเปิดประตูสู่โอกาสการลงทุนระดับโลกให้แก่นักลงทุนไทย

โดยความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับศักยภาพด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งของ ภายใต้แนวคิดร่วมกัน “The Power of Two. One Philosophy of Wealth”

ภายใต้ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้ KKP และโกลด์แมนแซคส์ จะร่วมกันพัฒนาและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนแบบหลากหลายสินทรัพย์ ครอบคลุมตราสารทุน ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือก และเปิดโอกาสให้เห็นถึงมุมมองการลงทุนเชิงลึกระดับโลก ที่ถือเป็นจุดแข็งของโกลด์แมนแซคส์

ณฤทธิ์ โกสาลาทิพย์” กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าสายงานที่ปรึกษาและบริหารการลงทุนลูกค้าบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้การบริหารพอร์ตลงทุน การจัดพอร์ตมีระบบมากขึ้น สามารถปรับเปลี่ยนตามภาวะตลาด ให้ลูกค้ารับผลตอบแทนที่เหมาะสมตามความเสี่ยง

ที่ถือเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักลงทุนในยุคที่ความผันผวนทางเศรษฐกิจและตลาดโลกมีความถี่และรุนแรงมากขึ้น

โดยมองว่า การร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ จะยิ่งเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) และการยกระดับบริการสู่มาตรฐานระดับโลก ซึ่งการร่วมมือกับ “โกลด์แมนแซคส์” ถือเป็น another chapter ที่เป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ สำหรับธุรกิจ “บริหารความมั่งคั่ง”ของ เคเคพี

หากกล่าวถึงธุรกิจ Wealth Management ถือเป็นหนึ่งธุรกิจ ในตลาดการเงินที่มีกิจกรรมมากที่สุดและยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้สถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศต่างเข้ามาทำธุรกิจนี้ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

โดย 5 เทรนด์สำคัญที่ขับเคลื่อนธุรกิจ Wealth Management ให้มีการเติบโตต่อเนื่อง คือการกระจายการลงทุนสู่ตลาดต่างประเทศ ที่นักลงทุนไทยเริ่มตระหนักถึงความจำเป็นในการกระจายการลงทุนไปต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากขนาดของตลาดทุนไทยมีขนาดเล็กมาก คิดเป็นเพียง 0.3% หากเทียบกับมูลค่าตลาดทุนทั่วโลก

ไม่เพียงเท่านั้น ปัจจัยจากความต้องการส่งต่อความมั่งคั่งระหว่างรุ่นสู่รุ่น ทำให้พฤติกรรมการลงทุนและการบริหารจัดการสินทรัพย์เปลี่ยนไป

หรือแม้แต่แรงกระตุ้นจากภาษีมรดกถูกนำมาใช้เมื่อ 8-9 ปีก่อน ทำให้หลายครอบครัวเริ่มบริหารจัดการสินทรัพย์ล่วงหน้า แทนที่จะรวมไว้ในชื่อผู้อาวุโสเพียงคนเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและลดภาระภาษี

เช่นเดียวกับการบริหาร “เงินกงสี”ที่เปลี่ยนไปเป็นการร่วมมือกับสมาชิกในครอบครัวมากขึ้นเพื่อลดความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

รวมถึงความท้าทายจากกฎระเบียบภาษีต่างประเทศ ที่สร้างความไม่ชัดเจนและความกังวลให้กับนักลงทุนที่มีเงินลงทุนในต่างประเทศจำนวนมาก ทำให้เกิดความต้องการโซลูชันการลงทุนที่เหมาะสม

นอกจากนี้ยังมาจากการเข้ามาของธนาคารต่างชาติในธุรกิจ Private Banking ในประเทศไทยมากขึ้น ทำให้หลายธนาคารเริ่มเห็นศักยภาพในการลงทุนในตลาดไทยและความน่าสนใจในธุรกิจ “เวลท์”มากขึ้น

“เคเคพี เราให้ความสำคัญกับการหาพันธมิตร ที่มี “ศีลเสมอกัน”ในการร่วมกันทำงานในอนาคต ที่มี expectation เดียวกัน Centric คล้ายๆกัน เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะเป็น Long term partnership จริงๆได้ในระยะยาว ที่ลูกค้าได้ประโยชน์จริงๆ

ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ เชื่อว่าสุดท้ายจะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน จากการให้คำแนะนำการลงทุนที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เชิงลึก และการบริหารจัดการพอร์ตที่มีคุณภาพมากขึ้น เพราะเชื่อว่าสิ่งที่ลูกค้า “เวลท์”ต้องการคือ การรักษาความมั่งคั่งให้เติบโต Sustain Wealth ให้เติบโตสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ ภายใต้การไม่ผันผวนมากเกินไป

หากถามถึงเป้าหมายในการเติบโต “เคเคพี”หวังว่า การร่วมมือกันครั้งนี้ จะช่วยให้ “เคเคพี”ยังสามารถรักษาการเติบโตในธุรกิจบริการความมั่งคั่งหรือเวลท์ ในอีก3-5 ปีหลังจากนี้ หรือระยะข้างหน้าได้ต่อเนื่องที่ระดับ 16% เช่นเดียวกับในปัจจุบัน

ภายใต้การแข่งขันที่สูงขึ้นในธุรกิจ ปัจจุบัน เคเคพีมีสินทรัพย์ภายใต้การบริการที่ระดับ 9 แสนล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีนี้จะเห็น AUM ขึ้นมาแตะระดับ 1ล้านล้านบาทได้แน่นอน

“ในธุรกิจเวลท์ ยังเติบโตสูงในไทย แม้เศรษฐกิจปัจจุบันเติบโตช้าเพียง 1-2% ต่อปี แต่เวลท์ยังโตสูงระดับ 16% สำหรับเคเคพี ที่เติบโตต่อเนื่องมาเป็นสิบปีแล้ว และเชื่อว่าตัวเลขการเติบโตนี้จะยังคงรักษาต่อไปได้ใน 3-5 ปีข้างหน้า”

ซาบรีนา แกน” Managing Director, Goldman Sachs Asset Management กล่าวว่า เรามองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจด้านความมั่งคั่งในประเทศไทย ซึ่งนักลงทุนกำลังมองหาโอกาสการลงทุนในระดับโลกมากขึ้น

ดังนั้น ความร่วมมือนี้ซึ่งผสานศักยภาพด้านการลงทุนระดับโลกของ Goldman Sachs Asset Management เข้ากับความเชี่ยวชาญในตลาดท้องถิ่นของเคเคพี จะเปิดโอกาสให้เราร่วมกันนำเสนอทางเลือกการลงทุนที่แตกต่างให้แก่นักลงทุนในประเทศไทย

โดย Goldman Sachs Asset Management จะทำหน้าที่ให้บริการที่ปรึกษาการลงทุนด้านกลยุทธ์การลงทุนแบบหลากหลายสินทรัพย์ (Multi-Asset Strategy) ให้แก่ KKP เพียงรายเดียวเท่านั้นในประเทศไทย

ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลงที่เกี่ยวข้อง ทั้งสองฝ่ายยังอยู่ระหว่างการหารือถึงความร่วมมือในด้านอื่นเพิ่มเติม รวมถึงการที่เคเคพีอาจจะจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์การลงทุนอื่นที่บริหารจัดการโดย Goldman Sachs Asset Management ด้วย

“ปัจจุบันภูมิทัศน์ของธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นักลงทุนให้ความสำคัญกับการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น คนรุ่นใหม่เริ่มมีบทบาทในการบริหารความมั่งคั่งของครอบครัว ความสนใจในสินทรัพย์ทางเลือกกำลังเพิ่มสูงขึ้น ประเด็นด้านภาษีของเงินลงทุนในต่างประเทศและการแข่งขันจากผู้เล่นต่างชาติก็ส่งผลต่อแนวทางการจัดพอร์ตของนักลงทุนไทย ดังนั้นความร่วมมือกันจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้นักลงทุนไทยก้าวผ่านความซับซ้อนของโลกการเงิน และสร้างพอร์ตการลงทุนที่แข็งแรง มั่นคง และก้าวไกลในระดับสากลได้”