เปิดโพยภาษีเหล็กเส้น! จ่ายอะไรบ้าง ก่อนต้นทุนจะพุ่งไม่รู้ตัว

เปิดโพยภาษีเหล็กเส้น! จ่ายอะไรบ้าง ก่อนต้นทุนจะพุ่งไม่รู้ตัว

เปิดโพยภาษีเหล็กเส้นแบบครบถ้วน แต่ละประเภทคืออะไร จ่ายตอนไหน มีเงื่อนไขอะไรบ้าง เพื่อให้วางแผนทางการเงินได้อย่างแม่นยำ ไม่ต้องปวดหัวกับตัวเลขที่บานปลาย

ในการทำธุรกิจวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะ “เหล็กเส้น” ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของงานโครงสร้าง การวางแผนต้นทุนอย่างแม่นยำเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม และหนึ่งในต้นทุนที่มักถูกละเลยหรือเข้าใจผิดก็คือ “ภาษี” ไม่ว่าจะเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภาษีนำเข้า หรือแม้แต่ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ภาษีเหล่านี้ล้วนมีผลต่อราคาขาย กำไร และความสามารถในการแข่งขันในตลาด

      บทความนี้จะพาไปเปิดโพยภาษีแบบครบถ้วน พร้อมไขข้อสงสัยว่าแต่ละประเภทคืออะไร ต้องจ่ายตอนไหน และมีเงื่อนไขอะไรบ้างที่ควรระวัง เพื่อให้วางแผนทางการเงินได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงทางภาษี และไม่ต้องปวดหัวกับตัวเลขที่บานปลายโดยไม่รู้ตัว

ภาษีเหล็กเส้นหลักๆ มีอะไรบ้าง

1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax หรือ VAT) เป็นภาษีที่ผู้ขายสินค้าหรือบริการต้องจัดเก็บจากผู้ซื้อในอัตรา 7% ของราคาขาย ซึ่งถือว่าเป็นภาษีทางอ้อม เพราะผู้บริโภคเป็นผู้จ่ายจริง แต่ผู้ประกอบการเป็นผู้จัดเก็บและนำส่งให้กรมสรรพากร

ตัวอย่าง หากคุณขายเหล็กเส้นในราคา 100,000 บาท ต้องคิด VAT เพิ่มอีก 7,000 บาท รวมเป็น 107,000 บาท และต้องนำส่งภาษี 7,000 บาท ให้สรรพากรภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป

ข้อควรระวัง
• ต้องมีใบกำกับภาษีที่ถูกต้อง
• หักภาษีซื้อได้เฉพาะกรณีมีหลักฐานตามกฎหมายเท่านั้น

2. ภาษีนำเข้า (Import Duty)

สำหรับผู้ที่นำเข้าเหล็กเส้นจากต่างประเทศ ต้องเสียภาษีนำเข้าซึ่งอัตราจะขึ้นอยู่กับประเภทของเหล็กและประเทศต้นทาง โดยส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 5-25% ของราคาศุลกากร (CIF: ราคาสินค้า + ค่าขนส่ง +
ค่าประกันภัย) นอกจากนี้ยังต้องเสียภาษีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น VAT จากการนำเข้า คิดจากมูลค่ารวม (CIF + อากรนำเข้า + อากรอื่นๆ)

ข้อควรระวัง
• ต้องเตรียมเอกสารศุลกากรให้ครบถ้วน
• ตรวจสอบ FTA หรือสิทธิพิเศษทางภาษีที่อาจใช้ลดอัตราอากร

3. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (Withholding Tax)

ในกรณีที่ซื้อเหล็กเส้นจากบริษัทในประเทศ หรือจ่ายค่าขนส่ง/ค่าจัดหา อาจต้องมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายตามที่กฎหมายกำหนด

ตัวอย่างอัตรา
• ค่าบริการขนส่ง หัก 1%
• ค่าคอมมิชชั่น หรือค่าตัวแทน หัก 3%
• หากจ้างบริษัทเหล็กผลิตหรือดัดเหล็กเฉพาะงาน หัก 3%

ข้อควรระวัง
• ต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี และนำส่งภาษีภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป
• หากไม่หัก หรือหักไม่ถูกต้อง อาจถูกเรียกเก็บย้อนหลังพร้อมเบี้ยปรับ

4. ภาษีธุรกิจเฉพาะ หรือภาษีอื่นๆ

ในบางกรณี หากธุรกิจมีลักษณะพิเศษ เช่น การปล่อยเช่าโกดังเหล็ก อาจเข้าข่ายเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ (เช่น 3.3%) หรือกรณีที่ประกอบธุรกิจหลายประเภท อาจต้องแยกประเภทรายได้เพื่อคำนวณภาษีที่ถูกต้อง

ทำไมต้องเข้าใจภาษีให้ครบก่อนขายเหล็กเส้น?

1. เพื่อวางแผนกำไรได้แม่นยำ หากมองข้ามภาษีจะทำให้ต้นทุนจริงสูงกว่าที่คาด ส่งผลต่อราคาขายและกำไรสุทธิ เช่น คิดราคาขาย 100 บาท/กิโล แต่ลืมรวม VAT หรือภาษีหัก ณ ที่จ่าย ก็อาจขาดทุนแบบไม่รู้ตัว

2. ลดความเสี่ยงถูกตรวจสอบย้อนหลัง หากยื่นภาษีผิดหรือไม่ครบ อาจถูกสรรพากรตรวจสอบย้อนหลังได้ถึง 5 ปี พร้อมดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ

3. ช่วยในการแข่งขันได้ดีกว่า ผู้ประกอบการที่วางแผนภาษีได้ดี จะสามารถตั้งราคาที่เหมาะสม ทำโปรโมชั่นได้อย่างมั่นใจ และเจรจากับลูกค้าได้แม่นยำมากขึ้น

เปิดโพยภาษีเหล็กเส้น! จ่ายอะไรบ้าง ก่อนต้นทุนจะพุ่งไม่รู้ตัว

ข้อแนะนำสำหรับผู้ประกอบการ

1. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชี/ภาษี เพื่อความถูกต้องของการยื่นภาษี และโอกาสใช้สิทธิลดหย่อน

2. ใช้ระบบบัญชีที่รองรับ VAT และภาษีหัก ณ ที่จ่าย เพื่อช่วยลดความผิดพลาด

3. ติดตามข่าวสารภาษีใหม่ๆ อยู่เสมอ เพราะกฎหมายภาษีอาจมีการเปลี่ยนแปลง
บทสรุป

การรู้เท่าทันเรื่องภาษีเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะเหล็กเส้นที่เป็นสินค้าหลักในงานโครงสร้าง หากไม่วางแผนภาษีอย่างรอบคอบ อาจทำให้ต้นทุนบานปลาย กำไรหาย หรือแย่ที่สุดคือถูกตรวจสอบย้อนหลัง การเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้ย่อมดีกว่ามานั่งแก้ไขในวันที่สายเกินไป

 

อ่านบทความน่ารู้เกี่ยวกับภาษีเพิ่มเติม คลิกที่นี่
Source : Inflow Accounting