เงินบาทพลิกอ่อนค่า หลังแข็งค่าสุดรอบ8เดือน เหตุสงครามตึงเครียด

เงินบาทผันผวน ล่าสุด พลิกอ่อนค่าลง ปิดตลาด 32.47 บาท หลังแข็งค่าสุดรอบ8 เดือนที่ 32.37 บาท เหตุดอลลาร์รับแรงหนุนกลับมา ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดสงครามตะวันออกกลาง
สถานการณ์ “ค่าเงินบาท“ ยังคงผันผวน ความเคลื่อนไหน ณ สิ้นวานก่อนหน้า (12 มิ.ย.) เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 8 เดือนที่ 32.37 บาทต่อดอลลาร์
ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ จากความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของ Tariff ของสหรัฐฯ ประกอบกับ Sentiment ของเงินดอลลาร์ฯ ยังคงไม่ฟื้นตัวหลังตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด
ขณะที่ ในช่วงเปิดตลาดและตลอดช่วงเช้าวันนี้ (13 มิ.ย.) “เงินบาทพลิกอ่อนค่าลง” ปรับตัวอยู่ที่ระดับ 32.43-32.45 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดตลาดนิวยอร์กวานนี้ที่ 32.38 บาทต่อดอลลาร์
โดย “การอ่อนค่าลงของเงินบาท สอดคล้อง เช่นเดียวกับสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชียในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนกลับมาบางส่วน พร้อมๆ กับสกุลเงินปลอดภัยทั้งเงินเยน และเงินสวิสฟรังก์ รวมถึงสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ เนื่องจากตลาดรอติดตามสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านอย่างใกล้ชิด
กระทั่งเงินบาทปิดตลาดวันนี้ ที่ระดับ 32.47 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”เทียบกับระดับปิดตลาดออฟชอร์วานนี้ที่ 32.38 บาทต่อดอลลาร์
นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า โดยเงินบาทเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยช่วงปลายสัปดาห์ตามภาพรวมของสกุลเงินในภูมิภาค
ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนกลับมาบางส่วนท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดของการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน
อย่างไรก็ดี กรอบการอ่อนค่าของเงินบาทยังเป็นไปอย่างจำกัด เพราะยังคงมีแรงหนุนกลับมาบางส่วนจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 330 ล้านบาท แต่ขายสุทธิพันธบัตรไทยต่อเนื่องที่ 275 ล้านบาท
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า (16-20 มิ.ย.) ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.00-32.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุม FOMC และ Dot Plot ใหม่ของเฟด (17-18 มิ.ย.) ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก และสัญญาณการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ และคู่ค้า และสถานการณ์ระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนมิ.ย. ข้อมูลยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือนพ.ค. (อาทิ ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และอัตราว่างงาน) และอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. ของอังกฤษ ยูโรโซน และญี่ปุ่น นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลาญี่ปุ่น (16-17 มิ.ย.) ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (18 มิ.ย.) ธนาคารกลางอังกฤษ (19 มิ.ย.) และการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน (20 มิ.ย.) ด้วยเช่นกัน
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า เงินบาทปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 32.40 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย จากระดับเปิด
แม้ว่า เงินบาทจะได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ทว่า สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงมาขึ้น ได้หนุนให้ราคาน้ำมันดิบพึ่งสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวกับน้ำมันดิบ ก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ก็กลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามความต้องการถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย สอดคล้องกับการปรับตัวอ่อนค่าลงของบรรดาสกุลเงินหลัก







