‘พันธบัตรสหรัฐ’สุ่มเสี่ยงแตก หนี้พุ่ง-เจ้าหนี้รายใหญ่ลดบทบาท

‘พันธบัตรสหรัฐ’สุ่มเสี่ยงแตก หนี้พุ่ง-เจ้าหนี้รายใหญ่ลดบทบาท

ฟองสบู่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอาจแตกในอนาคตอันใกล้  “กูรู” มองว่า เสี่ยงโอเวอร์ซัพพลาย หลังหนี้สาธารณะที่พุ่งทะลุ 35 ล้านล้านดอลลาร์ พร้อมการขาดดุลงบประมาณเรื้อรัง ล่าสุด การประมูลพันธบัตรสหรัฐรอบนี้  คาด“ญี่ปุ่นและจีน” ที่ถือครองมากสุด อาจ “ลดลง” จากนโยบายการค้าของสหรัฐ 

หนึ่งในสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง “เจพี มอร์แกน” (JP Morgan) ออกโรงเตือนถึงความเสี่ยงครั้งใหญ่ ! ที่กำลังก่อตัวใน “ตลาดการเงินโลก” โดยเฉพาะ “ฟองสบู่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ” ที่อาจแตกในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ตาม “กูรู” มองว่า พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงโอเวอร์ซัพพลายจากหนี้สาธารณะที่พุ่งทะลุ 35 ล้านล้านดอลลาร์ พร้อมการขาดดุลงบประมาณเรื้อรังต่อเนื่อง ล่าสุด การประมูลพันธบัตรสหรัฐรอบนี้ “ญี่ปุ่นและจีน” ที่ถือครองมากสุดอาจจะ “ลดลง” จากนโยบายการค้าของสหรัฐ 

‘พันธบัตรสหรัฐ’สุ่มเสี่ยงแตก หนี้พุ่ง-เจ้าหนี้รายใหญ่ลดบทบาท

“ประกิต สิริวัฒนเกตุ” กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า JP Morgan มองว่าฟองสบู่ซัพพลายในพันธบัตรมีมากเกินไปเนื่องจากรัฐบาลสหรัฐมีหนี้สาธารณะจำนวนมากสูงถึงประมาณ 35 ล้านล้านเหรียญสหรัฐและยังคงมีการขาดดุลงบประมาณอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องออกพันธบัตรเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยการขาดดุล

ทั้งนี้ หนี้สาธารณะดังกล่าวแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ 7 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นหนี้กับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานภายในประเทศ ส่วนอีก 28 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นหนี้ที่ธนาคารกลางประเทศต่างๆ และสถาบันการเงินเอกชนถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐไว้

ดังนั้น จึงมีการคาดการณ์ว่าภายในอีกประมาณ 5 ปีข้างหน้า อัตราส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีของสหรัฐอาจพุ่งจาก 120% ไปเป็นประมาณ 140% ภาระหนี้ที่สูงส่งผลให้มีภาระดอกเบี้ยจ่ายที่สูงตามไปด้วย โดยปีที่แล้วสหรัฐมีภาระต้องจ่ายดอกเบี้ยประมาณ 800,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 20% จากปีก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม มองว่าปัญหาดังกล่าวยัง “ไม่เกิดฟองสบู่แตก” ในพันธบัตรสหรัฐ เพราะสหรัฐยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี และเป็นผู้นำด้านการทหาร ขณะที่เงินดอลลาร์ก็จะยังคงเป็นสกุลเงินที่ได้รับการยอมรับสูงสุด และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

โดยผู้ที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มากที่สุด อันดับ 1 ญี่ปุ่น ถือครองอยู่ประมาณ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ อันดับ 2 สหราชอาณาจักร ถือครองอยู่เกือบ 800,000 ล้านดอลลาร์ และอันดับ 3 จีน ซึ่งกำลังลดการถือครองลงเรื่อยๆ

“ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์” หัวหน้าส่วนงานกลยุทธ์การลงทุนต่างประเทศ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลต่อไปว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ มีความเสี่ยงสูง มาจากงบประมาณภาครัฐสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้น 1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปีภายในเดือนนี้หรือเดือนหน้า จะมีการอนุมัติงบประมาณ “Big Beautiful Bill”

ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นสหรัฐถูกลดอันดับเครดิตจนไม่มีอันดับเครดิตระดับ AAA อีกต่อไป ทำให้นักลงทุนไม่เชื่อมั่น รวมถึงความกังวลต่อค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากนโยบายการค้าของสหรัฐ ก็อาจทำให้เกิดฟองสบู่แตกในตลาดพันธบัตรตามที่ JP Morgan กังวลก็เป็นไปได้

สำหรับ นักลงทุนรายย่อยควรพิจารณาผลตอบแทนเป็นหลักไม่มีความเสี่ยงเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ และหากผลตอบแทนปรับตัวขึ้นมาถึงจุดที่น่าสนใจและต้องการลงทุนเพื่อเก็บระยะยาวก็สามารถทำได้ แต่ต้องมีระมัดระวังเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนด้วย

“ณัฐ ตรีพูนสุข” ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากที่ JP Morgan ได้ออกมาเตือนเรื่อง ฟองสบู่ของพันธบัตรสหรัฐที่อาจจะแตก อาจมีน้ำหนักไม่มากนัก เนื่องจากได้กล่าวถึงประเด็นนี้ทุกปี แต่ทว่าสิ่งที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดคือเรื่องของอุปสงค์ในการประมูลพันธบัตรสหรัฐคาดว่าอัตราส่วนนี้จะค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่องจากเจ้าหนี้รายใหญ่ของสหรัฐคือ ญี่ปุ่นและจีนอาจจะลดการซื้อพันธบัตรลง

ทั้งนี้ การตัดสินใจซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ ของญี่ปุ่นขึ้นอยู่กับการเจรจาเรื่อง สงครามการค้าหากการเจรจาไม่เป็นผลดี และการส่งออกสินค้าต่างๆ จากญี่ปุ่นไปยังสหรัฐฯ ลดลง เช่น รถยนต์ จะส่งผลให้บริษัทต่างๆ ที่ทำการค้าและได้รับเงินสกุลดอลลาร์ ลดการนำเงินดอลลาร์ไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ผลที่ตามมาก็จะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้น ขณะที่จีนหากสถานการณ์สงครามการค้าไม่ดีขึ้น จีนอาจไม่เข้าร่วมการประมูลหรือลดสัดส่วนการประมูลพันธบัตรลง ส่งผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเช่นกัน