บลจ.กสิกรไทย ชี้ครึ่งปีหลังพายุกำลังมา แนะยึด Core Portfolio 80% กระจายลงทุนทั่วโลก

บลจ.กสิกรไทย ประเมินภาพการลงทุนครึ่งปีหลังยังเผชิญความไม่แน่นอนสูงจากประเด็นภาษีสหรัฐฯ เตือนนักลงทุนไม่ควรเบาใจแม้ตลาดหุ้นโลกทำจุดสูงสุดใหม่ แนะกลยุทธ์ยึด "Core Portfolio" ที่กระจายความเสี่ยงทั่วโลกเป็นหลัก 80% ของพอร์ต
KEY
POINTS
คาดหุ้นโลกโตช้าลง-หุ้นไทยเด่นปันผล
อ้างอิงจากงานวิจัย KASIKORN Capital Market Perspective (KCM) ที่ทำร่วมกับ JP Morgan นั้นคาดการณ์ผลตอบแทนในอีก 10 ปีข้างหน้าว่า หุ้นโลกจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยลดลงจาก 9.5% ต่อปีในอดีต เหลือ 5.9% ต่อปี ในอนาคต เนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นมาสูงแล้ว ทำให้มี Upside ที่น้อยลง
ในขณะที่หุ้นไทย แม้ในอดีต 10 ปีจะให้ผลตอบแทนติดลบ แต่คาดว่าในอนาคต 10 ปีข้างหน้าจะให้ผลตอบแทนเป็นบวก 5% ต่อปี อย่างไรก็ตาม 5% ที่คาดการณ์นั้นมาจาก Growth เพียง 1% และอีก 4% มาจากเงินปันผล ซึ่งสะท้อนว่าเสน่ห์ของหุ้นไทยอยู่ที่เงินปันผลมากกว่าการเติบโต
ด้วยเหตุนี้ พอร์ตการลงทุนจึงจำเป็นต้องกระจายไปทั่วโลกเพื่อแสวงหาโอกาสการเติบโต โดยหุ้นไทยเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดจากเงินปันผล ซึ่งหุ้นปันผลสูงอย่าง SET HD ยังคงให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าดัชนี SET โดยรวม
ชี้เป้า "ตราสารหนี้" น่าสนใจ
สำหรับมุมมองการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ยังคงมีมุมมอง "Neutral" ต่อตลาดหุ้นส่วนใหญ่ แต่ให้น้ำหนัก Overweight เล็กน้อยกับตลาด อินเดียและจีน
ขณะที่ตราสารหนี้ ทั้งของไทยและทั่วโลก ถือว่าน่าสนใจอย่างยิ่งในขณะนี้ เนื่องจากอัตราผลตอบแทน (Bond Yield) ปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับสูง ทำให้แม้จะเผชิญข่าวร้ายแต่ผลตอบแทนยังคงน่าดึงดูด จังหวะนี้ถือว่า not bad ในการเข้าลงทุน
ส่วนทองคำ ยังคงน่าสนใจในระยะยาวในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง แต่ระยะสั้นต้องระมัดระวังเนื่องจากราคาปรับขึ้นมามากแล้ว
นายวินทิ้งท้ายว่า ควรกล้าเข้าลงทุนในวันที่ทุกคนกลัวให้ได้ เพราะการรอให้สถานการณ์คลี่คลายและชัดเจน มักจะหมายถึงการเข้าลงทุนในวันที่ตลาดทำจุดสูงสุดใหม่ไปแล้ว โอกาสที่ดีที่สุดมักเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดปรับตัวลงจากความกังวลต่างๆ ซึ่งเป็นจังหวะในการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ดีในราคาที่เหมาะสม
สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้าจากการประกาศนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ทเริ่มปะทุขึ้นในช่วงต้นปีนี้ นำมาซึ่งความผันผวนในตลาดทุนทั่วโลก ทั้งยังสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน
“กรุงเทพธุรกิจ” สรุปข้อเสนอแนะที่น่าสนใจเกี่ยวกับการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ ผ่านมุมมองของผู้บริหารกองทุน จากงานสัมมนา “Thailand Investment Forum 2025: Great Depression พลิกเกมฝ่าวิกฤติ” ในหัวข้อ "Growth Stocks In-Depth: Strategies for Success" เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2568 จัดโดย 3 สื่อเศรษฐกิจในเครือเนชั่น ได้แก่ กรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ และโพสทูเดย์ ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท
นายวิน พรหมแพทย์ ประธานกรรมการบริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 ว่า แม้ตลาดหุ้นโลกจะทำจุดสูงสุดใหม่ (All-time high) แต่ยังมีความเปราะบางและอาจเบาใจมากไปหน่อยกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่ใกล้ครบกำหนดและคาดว่าจะ สูงกว่าในอดีต ซึ่งอาจสร้างความผันผวนรุนแรงให้กับตลาดได้
"ท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยได้เปรียบเทียบสถานการณ์นี้ว่า 'พายุกำลังมา' ซึ่งยากจะคาดเดาขนาดและผลกระทบ แต่หน้าที่ของเราคือการเตรียมฉากทัศน์เพื่อรับมือกับพายุลูกนี้" นายวินกล่าว
ยึด "Core Portfolio" 80% หัวใจฝ่ามรสุม
นายวินเน้นย้ำว่า หัวใจสำคัญของการลงทุนในภาวะผันผวนคือการจัดสรรเงินลงทุนส่วนใหญ่ หรือประมาณ 80% ของพอร์ตทั้งหมดให้เป็น "Core Portfolio" ซึ่งมีหน้าที่หลักในการพยุงพอร์ตให้สามารถผ่านพ้นความผันผวนไปได้ โดยมีเงื่อนไขสำคัญ 2 ข้อคือ
1.กระจายสินทรัพย์ ควรมีทั้งหุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ เพื่อลดความเสี่ยง
2.กระจายทั่วโลก ไม่ควรลงทุนในประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไป






