เช็กด่วน! ประกันสังคมปรับสูตรบำนาญใหม่ ปี 69 ใครได้ ใครเสีย

ปี 2569 นี้ สำนักงานประกันสังคมเตรียมปรับสูตรคำนวณบำนาญใหม่ บางกลุ่มได้รับเงินบำนาญเพิ่มขึ้น ขณะที่บางกลุ่มอาจได้รับน้อยลง รายละเอียดเป็นอย่างไร อ่านที่นี่
ในปี 2569 นี้ สำนักงานประกันสังคมเตรียมปรับสูตรคำนวณบำนาญใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกันตนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ใกล้เกษียณหรือเพิ่งเริ่มทำงาน โดยสูตรใหม่จะพิจารณาปัจจัยหลายด้านมากขึ้น เช่น ระยะเวลาการส่งเงินสมทบ และฐานเงินเดือนเฉลี่ยช่วงท้ายของการทำงาน เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มประชากรสูงวัยและภาระงบประมาณของกองทุนประกันสังคม
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจทำให้บางกลุ่มได้รับเงินบำนาญเพิ่มขึ้น ขณะที่บางกลุ่มอาจได้รับน้อยลง จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรเร่งตรวจสอบสิทธิของตนเองอย่างละเอียด และเตรียมวางแผนทางการเงินให้พร้อม
บทความนี้จะพาไปเจาะลึกว่า ใครคือผู้ที่ได้ประโยชน์ และใครอาจต้องรับผลกระทบ พร้อมแนะแนวทางรับมือกับสูตรใหม่ให้คุ้มค่าที่สุดในอนาคต
คำนวณบำนาญสูตรใหม่ เปลี่ยนอะไรบ้าง?
จากข้อมูลเบื้องต้น...สูตรใหม่ในการคำนวณบำนาญจะเน้นองค์ประกอบหลัก สามารถอธิบายได้ดังนี้
1. ระยะเวลาการส่งเงินสมทบ (จำนวนปีที่ส่ง)
การส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมหรือกองทุนบำนาญต่างๆ เป็นระยะเวลานาน ย่อมส่งผลโดยตรงต่อสิทธิประโยชน์ที่ผู้ส่งเงินจะได้รับในอนาคต โดยเฉพาะในส่วนของบำนาญชราภาพ ซึ่งเป็นผลตอบแทนระยะยาวเมื่อเข้าสู่วัยเกษียณ หากส่งเงินสมทบเป็นระยะเวลานาน สิทธิประโยชน์หรืออัตราบำนาญที่ได้รับก็จะยิ่งสูงขึ้น เพราะอัตราการคำนวณบำนาญจะพิจารณาจาก จำนวนปีที่ส่งเงินสมทบ ควบคู่กับ ฐานค่าจ้างเฉลี่ย
2. ฐานเงินเดือนเฉลี่ยช่วงท้าย (ช่วง 5 ปีสุดท้ายก่อนเกษียณ)
สูตรเดิมใช้ฐานเฉลี่ยเฉพาะช่วงท้ายและอาจเปลี่ยนมาเป็นฐานตลอดอายุการทำงาน ส่วนสูตรใหม่อาจให้ความสำคัญกับช่วง 3-5 ปีสุดท้ายมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าหากช่วงก่อนเกษียณฐานเงินเดือนสูง จะได้รับเงินบำนาญมากขึ้นตามไปด้วย
3. สัดส่วนการจ่ายบำนาญต่อฐานเงินเดือนเฉลี่ย
อาจมีการปรับลดจากเดิมที่อยู่ราว 20-30% ของเงินเดือนเฉลี่ย มาเป็นอัตราที่ผันแปรตามช่วงเวลาการส่งเงินสมทบ และสถานะของกองทุนในช่วงนั้นๆ
4. การส่งเสริมให้ผู้ประกันตนทำงานนานขึ้น
ใครได้ประโยชน์จากสูตรใหม่?
- ผู้ที่มีระยะเวลาส่งเงินสมทบยาวนาน (เกิน 25 ปี)
คนกลุ่มนี้จะได้รับประโยชน์เต็มที่จากการให้คะแนนสะสมและค่าตอบแทนบำนาญที่สูงขึ้น
- ผู้ที่มีเงินเดือนสูงในช่วงปลายอายุงาน
หากวางแผนเลื่อนตำแหน่งหรือปรับเงินเดือนในช่วง 5 ปีสุดท้ายก่อนเกษียณ จะช่วยเพิ่มฐานเงินเดือนเฉลี่ย ทำให้ได้บำนาญสูงขึ้น
- คนที่เริ่มวางแผนทางการเงิน
เช่น วางแผนออกจากงานช้าลง หรือส่งเงินสมทบ ม.39 เพิ่มเติมในช่วงปลดเกษียณ
ใครอาจเสียประโยชน์?
- คนที่ส่งเงินสมทบระยะสั้น หรือเว้นช่วงบ่อย
กลุ่มนี้อาจไม่ได้รับสิทธิ์อัตราบำนาญสูง เพราะไม่มีระยะเวลาสะสมเพียงพอ
- ผู้มีเงินเดือนคงที่ตลอดช่วงทำงาน
หากไม่ได้มีการขยับฐานเงินเดือนในช่วงท้าย อาจไม่ได้ประโยชน์จากสูตรใหม่ที่เน้นเฉลี่ยช่วงปลายมากกว่าทั้งอายุงาน
- แรงงานนอกระบบหรือผู้ที่เปลี่ยนงานบ่อย
การขาดตอนของการส่งเงินสมทบ อาจทำให้สิทธิประโยชน์ลดลง
แนวทางการรับมือและเตรียมตัวอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
1. ตรวจสอบสถานะการส่งเงินสมทบในระบบประกันสังคม
สามารถเช็กผ่านแอป SSO Plus+ หรือเว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคมได้ง่ายๆ
2. วางแผนเกษียณล่วงหน้า
พยายามเพิ่มระยะเวลาการทำงาน ส่งเงินสมทบให้ครบตามเงื่อนไขสูงสุด หรือยืดอายุการทำงานให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
3. ขยับฐานเงินเดือนช่วงท้ายของอายุงาน (ถ้าเป็นไปได้)
การเจรจาขึ้นเงินเดือน หรือเลื่อนตำแหน่งในช่วงท้ายสามารถเพิ่มฐานเงินเดือนเฉลี่ยได้
4. วางแผนการเงินเสริม เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
อย่าอิงกับบำนาญประกันสังคมเพียงอย่างเดียว ควรมีช่องทางรายได้หลังเกษียณจากหลายแหล่ง
สรุป…ผู้ประกันตนบางกลุ่มได้รับเงินบำนาญเพิ่มขึ้น ขณะที่บางกลุ่มอาจได้รับน้อยลง
การปรับสูตรบำนาญประกันสังคมในปี 2569 ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ทุกคนควรใส่ใจ แม้จะมีเป้าหมายเพื่อความยั่งยืนของระบบในระยะยาว แต่ก็อาจทำให้บางคนได้ผลตอบแทนลดลง หากไม่วางแผนให้ดี ผู้ที่มีระยะเวลาส่งเงินสมทบยาวและวางแผนการเงินล่วงหน้าจะได้ประโยชน์มากที่สุด ขณะที่ผู้ที่เว้นช่วง หรือส่งไม่สม่ำเสมออาจได้รับผลกระทบ การตรวจสอบสิทธิและวางแผนอย่างรอบคอบจะช่วยให้เกษียณอย่างมั่นใจในยุคที่สังคมผู้สูงวัยกำลังกลายเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ
อ่านบทความน่ารู้เกี่ยวกับภาษีเพิ่มเติม คลิกที่นี่
Source : Inflow Accounting







