'ภาษีทรัมป์' ป่วน ‘บอนด์ไทย’ ThaiBMA ชี้ตลาดผันผวนทั้งปี

'ภาษีทรัมป์' ป่วน ‘บอนด์ไทย’  ThaiBMA ชี้ตลาดผันผวนทั้งปี

ThaiBMA มองหลังศาล เบรกขึ้นภาษีทรัมป์ชั่วคราว ต่างชาติปรับพอร์ตขนเงินออก "บอนด์ไทย” กว่า “หมื่นล้าน” หลังพักเงินระยะสั้น หากภาษีทรัมป์ยังไม่นิ่ง ตลาดผันผวนทั้งปี

สถานการณ์ “เงินทุนต่างชาติ” ในตลาดตราสารหนี้ไทย (ตลาดบอนด์) กำลังเผชิญความผันผวน หลังเมื่อวานนี้ (29 พ.ค.2568) มีเงินไหลออกสูงถึงระดับ 10,989 ล้านบาท โดยเฉพาะจาก “ตราสารหนี้ระยะสั้น” จากปัจจัย “ภาษีทรัมป์” ไม่นิ่ง แม้ว่าล่าสุดศาลการค้าสหรัฐมีคำพิพากษาสั่งระงับภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บทั่วโลกของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” โดยชี้ว่าเกินอำนาจของประธานาธิบดี

นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า วานนี้ ( 29 พ.ค.2568) แนวโน้ม “เงินทุนต่างชาติ” (ฟันด์โฟลว์) ไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ไทย (ณ 14.00 น.) มูลค่า 10,989 ล้านบาท เป็นตราสารหนี้ระยะสั้นอยู่ที่ 8,339 ล้านบาท และตราสารหนี้ระยะยาว 2,050 ล้านบาท และครบกำหนด 600 ล้านบาท 

ทั้งนี้ พบว่า เป็นรายการใหญ่ของ “นักลงทุนต่างชาติ” จำนวนเพียงไม่กี่ราย โดยเป็นการขายตราสารหนี้ระยะสั้นที่ซื้อเข้ามาก่อนหน้านี้ เพื่อปรับพอร์ตตามปัจจัยต่างประเทศ หลังเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น  

สะท้อนภาพหลังเมื่อวันที่ 28 พ.ค.2568 ที่ผ่านมา ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐมีคำสั่งระงับใช้มาตรการภาษีของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต ทำให้มาตรการภาษีของสหรัฐอาจหยุดชั่วคราว ดังนั้น ระยะสั้นเป็นเซนทิเมนต์เชิงบวกในฝั่งสหรัฐ ดังจะเห็นทิศทางของเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย 

“ภาษีทรัมป์” ยังไม่นิ่ง 

โดยจะเห็นได้ว่า ปัจจัยที่สามารถสร้างความผันผวนต่อตลาดตราสารหนี้ไทย หลักๆ มาจากนโยบายภาษีของทรัมป์ที่ยังไม่นิ่ง ดังนั้น ยังมีความเป็นไปได้ที่แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ไทย “ผันผวนทั้งปี” หากนโยบายภาษีของทรัมป์ยังไม่นิ่งเช่นนี้ ซึ่งนักลงทุนต่างชาติก็ยังไม่มั่นใจต่อการลงทุน ดังนั้น จะเห็นตลาดการลงทุนในปัจจุบัน เป็นภาพการโยกย้ายเงินลงทุนเพื่อแสวงหา “ผลตอบแทน” (รีเทิร์น) แม้ว่าบอนด์ยีลด์ไทยยังอยู่ในระดับต่ำมาก รวมทั้งเศรษฐกิจไทยยังไม่สดใส แต่ที่ผ่านมาก็ยังเห็นฟันด์โฟลว์ไหลเข้าออกในตลาดตราสารหนี้ไทยต่อเนื่อง เพราะว่ามีโอกาสทำกำไร “อัตราแลกเปลี่ยน” (ค่าเงิน)

“เมื่อมีจังหวะที่เงินบาทแข็ง ส่วนดอลลาร์อ่อนค่า ทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาพักเงินระยะสั้น เก็งกำไรค่าเงินบ้าง แต่เมื่อตลาดเริ่มนิ่ง จะเห็นแรงขายบอนด์ของต่างชาติทำกำไรออกไป”

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ทิศทางของฟันด์โฟลว์ยังเข้ามาในตลาดตราสารหนี้ค่อนข้างมาก นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 71,771 ล้านบาท แต่เงินลงทุนต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ไทย ส่วนใหญ่ยังคงที่ใกล้เคียงกับช่วง 4-5 ปี ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เฉลี่ยอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งปีนี้ยังอยู่ระดับ 900,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว 

ประเมินยังไม่มีนัยสำคัญต่อเสถียรภาพ

ขณะที่ การลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้น 1-3 เดือน มีสัดส่วน 5% ของมูลค่าดังกล่าว หรือไม่เกิน 50,000 ล้านบาท ทำให้เกิดความผันผวนได้ แต่การไหลเข้าออกของฟันด์โฟลว์ในตลาดตราสารหนี้ระดับ “หมื่นล้าน” ซึ่งประเมินว่ายังไม่มีนัยสำคัญต่อเสถียรภาพในตลาดตราสารหนี้ไทย 

ขณะเดียวกัน ปัจจุบันไทยยังได้รับการ “คงน้ำหนัก” ในดัชนีพันธบัตรโลก ดังนั้น นักลงทุนต่างชาติยังคงลงทุนตามน้ำหนักดัชนี ถือว่ายังช่วยประคับประคองตลาดไว้ได้ แม้ว่าประเทศไทยไม่มีแรงจูงใจเหมือนอินเดีย ที่ได้รับการปรับน้ำหนักเพิ่ม ในดัชนีพันธบัตรโลก แต่หากไทยถูกปรับลดน้ำหนัก จากเศรษฐกิจไทยยังไม่ดีขึ้นในระยะข้างหน้า มีโอกาสให้ฟันด์โฟลว์ไหลออกได้ อาจจะมีนัยสำคัญต่อตลาดได้เช่นกัน

นโยบายทรัมป์ไม่ชัดเจน ตลาดบอนด์ผันผวน

นายพิริยพล คงวาณิช ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์พื้นฐาน สายงานวิจัย บล.บัวหลวง กล่าวว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ฟันด์โฟลด์ในตลาดตราสารหนี้ไทยราว 1-3% บวกลบ โดย 28 พ.ค.2568 มีเงินไหลเข้า 4,000 ล้านบาท และวานนี้ (29 พ.ค.68) ไหลออกแรง 10,000 ล้านบาท จากศาลฯ สั่งระงับมาตรการภาษีของทรัมป์ แต่ทรัมป์อุทธรณ์กลับไปแล้ว ดังนั้น มองว่า หลังจากนี้ การปรับพอร์ตน่าจะจบ ทรงๆ รอปัจจัยใหม่ และความชัดเจนนโยบายภาษีของทรัมป์ ทำให้ยังคงผันผวนต่อในระยะสั้น

อย่างไรก็ตามภายใต้สถานการณ์นี้ ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ตลาดทุนยังอยู่ในโหมด Wait & See นักลงทุนโลกยังไม่คลายกังวล ดังนั้นแม้ข่าวระงับภาษีจะส่งแรงบวกต่อดัชนีตลาดหุ้น และสกุลเงินดอลลาร์ แต่แรงซื้อยังไม่กลับสู่ระดับก่อนหน้าที่ทรัมป์ประกาศนโยบายภาษี ซึ่งสะท้อนว่า นักลงทุนยังไม่มั่นใจว่านโยบายภาษีจะถูกพับเก็บจริง หรือแค่ถูกพักไว้ชั่วคราว

“มองว่าเงินต่างชาติไหลออกปรับพอร์ต จากเข้ามาก่อนหน้านี้ กังวลเรื่องสถานะการคลังสหรัฐ เงินเฟ้อสูง ดังนั้น จึงไหลหลบมาพักเข้าที่ไทย และเมื่อมีมาตรการภาษีทรัมป์จะโดนพักชั่วคราว จึงปรับน้ำหนักขายออก โดยเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา ต่างชาติซื้อสุทธิ 1.8 หมื่นล้านบาท เดือน เม.ย. ต่างชาติซื้อสุทธิ 5.7 หมื่นล้านบาท และตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน เข้ามาแล้ว 7.1 หมื่นล้านบาท”

สำหรับมุมมองการลงทุนในส่วนตลาดบอนด์สหรัฐ Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย รายงานว่า จากแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่เร่งรีบ “ลดดอกเบี้ย” จากถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด และรายงานการประชุม FOMC ล่าสุด (FOMC Meeting Minutes) ยังคงทำให้ ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า เฟดอาจมีโอกาสราว 74% ที่จะลดดอกเบี้ยในปีนี้ และเฟดอาจเลื่อนไปลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปี 2569

ประกอบกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ในช่วงนี้ที่ส่วนใหญ่ออกมาสดใส ก็หนุนให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐทยอยปรับตัวสูงขึ้นบ้าง สู่ระดับ 4.50% ทั้งนี้ เราคงย้ำมุมมองเดิมว่า หากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐปรับตัวสูงขึ้น จะเปิดโอกาสในการทยอยเข้าซื้อสะสม (Buy on Dip) ได้ โดยเฉพาะโซนสูงกว่าระดับ 4.50%

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์