RS หวังเทิร์นอะราวนด์ คาดเจรจาแบงก์ ปรับโครงสร้างหนี้ ไตรมาส 2 นี้

RS หวังเทิร์นอะราวนด์  คาดเจรจาแบงก์ ปรับโครงสร้างหนี้ ไตรมาส 2 นี้

RS ลั่นไม่นิ่งนอนใจ เดินหน้าปลดเครื่องหมาย C มั่นใจเจรจาแบงก์ ปรับโครงสร้างหนี้ ไตรมาส 2 นี้ พร้อมตัดขายบ.ย่อยคุมต้นทุน ปรับกลยุทธ์ใหม่ พลิกฟื้นธุรกิจเทิร์นอะราวนด์

 นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า แม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันเศรษฐกิจภาพรวมยังไม่ดี ประกอบกับอุตสาหกรรมยังมีความท้าทายทั้งการแข่งขันและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เป็นปัญหาภายนอก และยังมีปัญหาภายในองค์กร เนื่องจากลุ่มบริษัทไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาเงินกู้กับสถาบันการเงิน ณ 31 มี.ค. 2568 บริษัทและบริษัทย่อย มีการผิดนัดชำระดอกเบี้ยจำนวน 27.48 ล้านบาท 

ทำให้สถาบันการเงินมีสิทธิในการเรียกชำระคืนเงินกู้ยืมทั้งหมด โดยส่วนของบริษัท RS มีเงินกู้ยืมระยะยาว 831.32 ล้านบาทและ เงินกู้ยืมระยะสั้น 940.20 ล้านบาท ส่วนบริษัทย่อย มีเงินกู้ยืมระยะยาว 878.57 ล้านบาท และเงินยืมระยะสั้น 225.23 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 19  พ.ค.2568 บริษัทถูกขึ้นเครื่องหมาย CB และบริษัทมีหน้าที่จัดการประชุมเพื่อให้ข้อมูลแก่นักลงทุนและผู้เกี่ยวข้องภายใน 15 วัน 

RS หวังเทิร์นอะราวนด์  คาดเจรจาแบงก์ ปรับโครงสร้างหนี้ ไตรมาส 2 นี้

โดยตนเองในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ยังคงมีความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาทุกอย่างไม่ได้นิ่งนอนใจ การพลิกฟื้นธุรกิจทุกเรื่องมีความคืบหน้าไปได้ด้วยดี  บริษัทได้มีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า วางแนวทางในการแก้ไข เครื่องหมาย C  ดังนี้  

สำหรับ “การปรับโครงสร้างหนี้” ได้มีดำเนินการเจรจากับสถาบันการเงินมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาแนวทางการบริหารหนี้ที่เหมาะสมร่วมกัน รวมถึงการพิจารณาปรับเงื่อนไขการชำระคืนหนี้โดยพิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทเป็นหลักที่สอดคล้องกับสภาพคล่องในปัจจุบัน ซึ่งมั่นใจการเจรจาเงื่อนไจขอความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินต่างๆ น่าจะลุล่วงคาดจะแล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย.-ก.ค. นี้ หรือในไตรมาส 2 ปี 2568 

อีกทั้ง ยังมีการบริการต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างกำไรและกระแสเงินสดให้กับบริษัทบริษัทคาดว่าจะสามารถลดต้นทุนโดยรวม ได้ประมาณ 400-450 ล้านบาทต่อปี

ได้แก่ ปรับโครงสร้างพนักงานให้คล่องตัวสอดคล้องการดำเนินธุรกิจมากยิ่งขึ้น เช่น ลดตำแหน่งงานซ้ำซ้อน ส่งเสริมศักยภาพของพนักงานให้ดียิ่งขึ้น , การปรับพื้นที่สำนักงานบางส่วนที่ไม่จำเป็น , การควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับการทำธุรกิจหลักยิ่งขึ้น เช่น ควบคุมงบประมาณการตลาดและโฆษณาไม่เกิน 10% ของรายได้รวม เพื่อลดค่าใช้จ่ายในส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย หรือ ลดลงประมาณ 150 ล้านบาทในปีนี้เทียบกับปีก่อน

รวมถึง “การจำหน่ายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก” เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้เป็นรูปธรรมอย่างเร่งด่วน ได้แก่ บริษัทมีแผนในการจำหน่ายสินทรัพย์ที่อยู่นอกกลุ่มธุรกิจหลัก เช่น บริษัทย่อย หรือแบรนด์ที่ไม่อยู่ในกลยุทธ์หลัก แต่ยังคงมีมูลค่าทางการตลาดและแนวโน้มการดำเนินธุรกิจได้ดี เช่น กลุ่มธุรกิจสัตว์บริษัทคาดว่าจะได้เงินจากากรจำหน่ายราว 250-350 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทและบริษัทย่อย “ได้เร่งปรับกลยุทธ์ด้านการดำเนินธุรกิจ” เพื่อรักษาระดับของกระแสเงินสดและสภาพคล่อง ของกลุ่มบริษัทให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างวางแผนธุรกิจระยะสั้น กลาง และยาาว มุ่งเน้นวางกลยุทธ์ให้ธุรกิจกลับมาพลิกฟื้นและเทิร์นอะราวนด์ในเวลาอันสั้น

นายสุรชัย กล่าวว่า บริษัทได้จะกลับมาโฟกัสบางธุรกิจที่มีอนาคตและน่าสนใจ แต่ยังไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันจะกลุ่มบริษัท ขายออก มีความคืบหน้า ไปพอสมควร ส่วนนี้ จะได้กระแสเงินสดกลับมา และลดต้นทุนได้มากขึ้นและทำให้บริษทมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น จากปัจจุบันสามารถลดต้นทุนภาพรวมได้ราว 450 ล้านบาท

“ผมและทีมบริการยังมุ่งมั่นบริหารย่างเต็มที่ในการบริการจัดการ และแก้ไขสถานการณ์ รวมถึงจะดำเนินการเรื่องต่างๆ ในทุกมิติ ทั้งการปรับโครงสร้างทางการเงิน ปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ ในการเทิร์นอลาวด์กลับมาอย่างเร็วรวดที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัท และผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมด มั่นใจว่าจะสามารถผ่านช่วงเวลานี้และพลิกฟื้นกลับมาได้ในช่วงเวลาอันสั้น”