ตลาดบอนด์ป่วน ‘การคลัง’ อินโดนีเซียสั่นคลอน กดดันนโยบาย ‘ปราโบโว’

ตลาดบอนด์ป่วน ‘การคลัง’ อินโดนีเซียสั่นคลอน กดดันนโยบาย ‘ปราโบโว’

ภาษีสหรัฐ-ตลาดบอนด์โลกผันผวน ป่วน ‘การคลัง’ อินโดนีเซีย กดดันนโยบายประชานิยม ‘ปราโบโว’ ที่ใช้งบประมาณมหาศาล ทำนักลงทุนดึงเงินลงทุน กังวลรัฐบาลไม่มีแผนระยะยาว

สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานว่า นโยบายมูลค่ามหาศาลของประธานาธิบดีอินโดนีเซีย “ปราโบโว ซูเบียนโต” กำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างหนักจากปัจจัยภายนอก ทั้งจาก ภาษีศุลกากรของสหรัฐและความปั่นป่วนในตลาดพันธบัตรโลก แม้ผู้เชี่ยวชาญจะยังมองว่าสถานะทางการเงินของอินโดนีเซียมีเสถียรภาพ แต่แรงกดดันเหล่านี้อาจบีบให้รัฐบาลต้องลดการใช้จ่ายหรือออกตราสารหนี้เพิ่มขึ้น

ความกังวลในตลาดพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลกยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อ Moody's ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลงจาก Aa1 เป็น Aaa เนื่องจากหนี้ภาครัฐและต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น เหตุการณ์นี้ทำให้นักลงทุนในตลาดพันธบัตรทั่วเอเชียระมัดระวังมากขึ้นและไม่มั่นใจที่จะถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จนพลักดันให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่นและอินโดนีเซียเพิ่มสูงขึ้น

การคลังอินโดนีเซียสั่นคลอน

ก่อนหน้านี้นักลงทุนมีปฏิกิริยา “เชิงลบ” ต่อกลยุทธ์ทางการคลังของอินโดนีเซียมาตั้งแต่ก่อนที่ตลาดโลกจะปั่นป่วน เรื่องนี้ทำให้ตลาดการเงินของอินโดนีเซียยิ่งสั่นคลอน และส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติพากันถอนเงินลงทุนออกจากตลาด

ขณะนี้สถานะทางการคลังของอินโดนีเซียเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ปราโบโวของอินโดนีเซียได้ประกาศลดงบประมาณลงอย่างกะทันหันถึง 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ซึ่งคิดเป็น 8% ของงบประมาณแผ่นดิน โดยการลดการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อระดมเงินสนับสนุนโครงการสำคัญ ได้แก่ โครงการอาหารกลางวันฟรีที่โรงเรียนซึ่งคาดการณ์ว่าจะใช้งบประมาณสูงถึง 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ และ Danantaraกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่รวมกับบริษัทโฮลดิ้งของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ ซึ่งได้รับการจัดสรรเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์

ขณะเดียวกัน รายรับของรัฐบาลก็ลดลงอย่างน่าเป็นห่วง ในไตรมาสแรกของปี รายรับจากภาษีลดลง 12.18% และรายรับที่ไม่ใช่ภาษีลดลง 26.03% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการ ปรับเปลี่ยนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 1% พร้อมกับการเริ่มต้นระบบการยื่นภาษีใหม่

แม้ว่าตลาดจะมีความผันผวน แต่รัฐบาลอินโดนีเซียยังคงแสดงท่าทีที่เป็นบวก โดยนายอังกิโต อาบิมันยู รองรัฐมนตรีกระทรวงการคลังกล่าวเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ว่า สงครามการค้ามีผลกระทบต่องบประมาณของรัฐน้อยมากและย้ำว่าการที่อินโดนีเซียมีพันธบัตรในประเทศจำนวนมาก ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่มั่นคงและการส่งออกไปยังสหรัฐถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยปกป้องประเทศได้ในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ลาวัญญา เวนกาเทสวารันนักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำอาเซียนจาก OCBC ระบุว่า “สถานการณ์ในตลาดเปลี่ยนไปเป็นความระมัดระวังมากขึ้นสำหรับอินโดนีเซียและส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเคลื่อนไหวทางการคลังเมื่อต้นปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนต่อทิศทางนโยบายการคลังของอินโดนีเซียในช่วงที่ผ่านมา”

บอนด์ยีลด์อินโดนีเซียพุ่ง  

ตลาดบอนด์ป่วน ‘การคลัง’ อินโดนีเซียสั่นคลอน กดดันนโยบาย ‘ปราโบโว’

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอินโดนีเซียอายุ 10 ปีได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 6.92% ในช่วงระหว่างวันที่ซูเบียนโต เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 68 จนถึงวันซื้อขายสุดท้ายก่อนที่ทรัมป์จะประกาศมาตรการภาษีในวันที่ 2 เม.ย.68

อาหมัด โมบีน จาก S&P Global Market Intelligence มองว่า อินโดนีเซียยังพอมีช่องว่างที่จะใช้จ่ายเกินงบประมาณได้อีกนิดหน่อย แต่ถ้าจะใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาก ๆ อาจทำให้นักลงทุนไม่พอใจได้ ถ้าไม่มีแผนที่ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายการคลังในระยะยาว  

Siwage Dharma Negara นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบัน ISEAS-Yusof Ishak ชี้ว่ารัฐบาลจะต้องหาแหล่งเงินทุนใหม่ และวิธีที่ง่ายที่สุดคือการออกพันธบัตรรัฐบาล เนื่องจากความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดตอนนี้คือเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ซึ่งจะทำให้รัฐบาลเก็บภาษีและมีรายได้น้อยลง ทั้งที่ประธานาธิบดีอินโดนีเซียตั้งเป้าจะทำให้เศรษฐกิจโตถึง 8% เพื่อระดมเงินทุนมาใช้ในโครงการสวัสดิการต่างๆ  

อ้างอิง Nikkei