ราคาทองคำโลกพุ่งขึ้นแรง สวนหุ้นลงดอลลาร์อ่อน ห่วงโลกตึงเครียด

ราคาทองคำโลกพุ่งขึ้นเกือบ 2% ในวันอังคาร จากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อ หุ้นร่วงลงท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐ สงครามรัสเซีย - ยูเครน
รอยเตอร์ รายงานภาวะตลาดทองคำโลกวันอังคาร (20 พ.ค.68) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมา ตามเวลาประเทศไทยว่า ราคาทองคำพุ่งขึ้นเกือบ 2% เมื่อวันอังคาร เนื่องจาก ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง และหุ้นร่วงลงท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐ และโอกาสน้อยที่จะเกิดการหยุดยิงระหว่างรัสเซีย และยูเครน
ราคาทองคำในตลาดสปอต (Spot Gold) พุ่งขึ้น 1.7% สู่ระดับ 3,284.74 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 13.45 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกสหรัฐ (17.45 น. ตามเวลามาตรฐานกรีนิช)
ส่วนราคาทองคำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐ (Gold Futures) ปิดตลาดสูงขึ้น 1.6% สู่ระดับ 3,284.6 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอีกครั้งในวันอังคาร เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความระมัดระวังต่อภาวะเศรษฐกิจ โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นักลงทุนเทขายดอลลาร์อย่างหนัก หลังจากที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดี้ส์ (Moody's Ratings ) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ ลงหนึ่งขั้นจาก "Aaa" เป็น "Aa1" เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น
ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงทำให้ผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่นสามารถซื้อทองคำแท่งได้ในราคาที่ถูกลง
"ตลาดยังคงมีความไม่แน่นอนในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่มูดี้ส์ ปรับลดอันดับ และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมโลหะมีค่าได้รับแรงหนุน" เดวิด เมเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายซื้อขายโลหะของโบรกเกอร์ High Ridge Futures กล่าว
ตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนให้ความสนใจกับการลงมติครั้งสำคัญในกรุงวอชิงตันเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ
ทองคำแท่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และเศรษฐกิจ ฟิลลิป สไตรเบิล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตลาดของโบรกเกอร์ Blue Line Futures กล่าวว่า "ราคาทองคำจะมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 3,350 ดอลลาร์ โดยมีแนวต้านด่านแรกที่ระดับ 3,300 ดอลลาร์ โดยราคาทองคำเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 3,150 ถึง 3,350 ดอลลาร์"
Meger กล่าวว่า ความตึงเครียดที่ยังคงดำเนินอยู่ระหว่างรัสเซีย และยูเครน เป็นปัจจัยสำคัญต่อแพลทินัม และแพลเลเดียมมากกว่า เนื่องจากไม่มีข้อตกลงที่เป็นไปได้ใดๆ อาจทำให้มีอุปทานจากรัสเซียในตลาดลดลง รัสเซียเป็นผู้ผลิตแพลเลเดียมรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตแพลทินัมรายใหญ่เป็นอันดับสอง
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สหภาพยุโรป และอังกฤษได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ โดยไม่รอให้สหรัฐ เข้าร่วมด้วย หนึ่งวันหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พูดคุยกับวลาดิมีร์ ปูติน แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนได้
ราคาแพลทินัมแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2024 โดยพุ่งขึ้น 5% สู่ระดับ 1,048.05 ดอลลาร์ ราคาแพลเลเดียมพุ่งขึ้น 4.2% สู่ระดับ 1,015.58 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ส่วนราคาโลหะเงินตลาดสปอตขึ้น 2.1% สู่ระดับ 33.01 ดอลลาร์
จีนนำเข้าทองคำพุ่งสูง
บลูมเบิร์ก รายงานว่า จีนนำเข้าทองคำมากที่สุดในรอบเกือบ 1 ปีเมื่อเดือนที่แล้ว แม้ว่าราคาจะพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ก็ตาม หลังจากที่ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้น ทำให้ธนาคารกลางจีนผ่อนปรนข้อจำกัดในการนำเข้าทองคำแท่ง
ข้อมูลศุลกากรที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร ระบุว่า การนำเข้าทองคำทั้งหมดของประเทศอยู่ที่ 127.5 เมตริกตัน ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน โดยเพิ่มขึ้น 73% จากเดือนก่อนหน้า แม้ว่าทองคำจะแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกัน โดยแตะระดับ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในครั้งเดียว
การนำเข้าที่เพิ่มขึ้นน่าจะเกิดจากการที่ธนาคารประชาชนจีนจัดสรรโควตาใหม่ให้กับธนาคารพาณิชย์บางแห่งในเดือนเมษายน เนื่องจากทางการจีนตอบสนองต่อความต้องการที่แข็งแกร่งจากนักลงทุนสถาบัน และรายย่อยในช่วงที่สงครามการค้ากำลังดุเดือด ธนาคารกลางควบคุมการไหลเวียนของทองคำแท่ง โดยปกติจะให้ใบอนุญาตนำเข้า และโควตาเฉพาะกับบางธนาคารเท่านั้น
นักลงทุนในจีนหันมาซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงต้นปีนี้ แม้ว่าราคาทองคำจะร่วงลงในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากมีความหวังว่าความตึงเครียดด้านการค้าจะบรรเทาลง แต่ธนาคารกลางยังคงเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องเพื่อกระจายการลงทุนออกจากสินทรัพย์เงินดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำต่อไป
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์