’กรุงศรี‘ ชี้รายใหญ่ชะลอลงทุน-ขอกู้ ผลกระทบ ‘สงครามการค้า’

“ธนาคารกรุงศรีอยุธยา” ชี้ “เศรษฐกิจโลก-ไทย” ชะลอตัว จากผลกระทบ “สงครามการค้า” ส่งผล “ธุรกิจรายใหญ่” ชะลอการลงทุน “แบงก์ชาติ” สั่งแบงก์ทำแบบทดสอบภาวะวิกฤติ
นายประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า ผลกระทบจากสงครามการค้า นโยบายการขึ้นภาษีของทรัมป์ ที่มีผลต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงเศรษฐกิจไทย
ส่งผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สั่งให้ธนาคารพาณิชย์ทำแบบทดสอบภาวะวิกฤติ หรือ Stress Test เพื่อให้แบงก์ประเมินผลกระทบในแง่มุมต่าง ๆ ที่อาจกระทบต่อแบงก์และลูกค้าของธนาคาร
โดยการทำ Stress Test อยู่ภายใต้การประเมินผลกระทบหลายด้าน หลายซินาริโอ ทั้งกรณีพื้นฐาน และกรณีร้ายแรงที่สุด หากทรัมป์เก็บภาษีนำเข้าจากไทยลดลงหรือเท่าเดิมคือ 36% ดังนั้น การประเมินผลกระทบขณะนี้ ธนาคารกรุงศรี ฯ ได้ประเมินเบื้องต้น และมีการส่งให้ธปท.เรียบร้อยแล้ว
รายใหญ่ชะลอลงทุน จับตา “สงครามการค้า”
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ภายใต้ภาวะที่ยังไม่มีความแน่นอนจากสงครามการค้า จากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศในปัจจุบัน ส่งผลให้ภาคธุรกิจรายใหญ่บางส่วนชะลอการลงทุนและชะลอขอสินเชื่อจนกว่าจะมีความชัดเจนในประเด็นต่าง ๆ
ทั้งนี้หากดูทิศทางการขอสินเชื่อก่อนหน้านี้ พบว่ายังมีกลุ่มธุรกิจที่ต้องการลงทุน ทั้งการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงดีลควบรวมกิจการ (M&A) ที่ต้องการซื้อกิจการการขยายการลงทุนต่าง ๆ ในธุรกิจพลังงานในครึ่งปีหลัง และนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ดังนั้นต้องติดตามดีลเหล่านี้อย่างใกล้ชิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
“ขณะนี้ลูกค้ายังเวท แอนด์ ซี (Wait & See) ผลกระทบจากสงครามการค้า ดังนั้นที่ต้องจับตาคือ ดีลต่าง ๆ ที่จะกำหนดชำระคืน และดีลต่าง ๆ ที่มีกำหนดจะขอสินเชื่อเพื่อขยายธุรกิจในครึ่งปีหลังจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือเลื่อนต่างๆออกไปหรือไม่”
สำหรับเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจรายใหญ่ของธนาคาร ยังตั้งเป้าเติบโต 5-7% แม้ว่าเป้าหมายดังกล่าวจะมีความท้าทายมากขึ้น
ส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตในช่วงครึ่งปีแรก ที่คาดว่าจะเติบโตได้ดี และอาจเห็นสินเชื่อขยายตัวได้ระดับ 5% ส่วนหนึ่งมาจากมีลูกค้ารายใหญ่หันมาใช้วงเงิน ESG Finance มากขึ้น ที่ทำให้มีดีมานด์เพิ่มเติมเข้ามามากกว่าปกติ เหล่านี้สะท้อนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ธุรกิจที่มีความยั่งยืนมากขึ้น
อย่างไรก็ตามสำหรับธุรกิจที่ยังมีดีมานด์และขยายตัวได้และเป็นธุรกิจที่ธนาคารให้คามสำคัญ คือ นิคมอุตสาหกรรม, เฮลท์แคร์, อาหาร-เครื่องดื่ม และพลังงาน ฯลฯ ส่วนภาคธุรกิจอสังหาฯ ยอมรับว่ามีความท้าทายมากขึ้น ดังนั้นการปล่อยสินเชื่อของธนาคารก็ยังอยู่ในโหมดระมัดระวัง
“ด้านคุณภาพสินเชื่อ เราจับตาใกล้ชิด ต่อเนื่องจาก 2-3 ปีก่อนหน้า ที่เรายังคงระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนต่าง ๆ แต่โซฟาโดยรวมคุณภาพลูกหนี้รายใหญ่ยังไม่มีปัญหา หรือน่าห่วงมากนัก และกลุ่มรายใหญ่ก็ยังเป็นกลุ่มสำคัญในการผลักดันการเติบโตต่อสินเชื่อธนาคารปีนี้”
เน้นหนุนลูกค้าขนาดใหญ่เติบโตมั่นคง
นายประกอบ กล่าวว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของธุรกิจรายใหญ่ ธนาคารยังคงให้การสนับสนุนกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ให้เติบโตอย่างมั่นคง ด้วยการให้บริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ในทุกมิติ โดยเฉพาะด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) ที่ได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ปี 2568 ยังคงเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย โดยเฉพาะไทยซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนด้านการลงทุนจากต่างประเทศและปัจจัยภายนอก เช่น ความผันผวนของตลาดโลก และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ยอดสินเชื่อของกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ในช่วงไตรมาสแรกของปีเติบโตตามเป้าการเติบโตด้านสินเชื่อที่ 5-7% ที่ตั้งไว้
ทั้งนี้ แนวทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มงานลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจปี 2568 ตั้งอยู่บนแนวคิด ‘Crafting Collaboration, Moving Beyond Solutions’ สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในการคิดและทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์
เปิดแนวทางบรรลุเป้าประสงค์ธุรกิจ
นอกจากนี้ยังให้คำแนะนำและร่วมมือกันพัฒนา กลยุทธ์และแนวทางเพื่อบรรลุเป้าประสงค์ทางธุรกิจสำหรับลูกค้าแต่ละรายโดยเฉพาะและไม่เพียงแต่เน้นการตอบสนองต่อความต้องการในระยะสั้น แต่จะให้ความสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว พร้อมทั้งออกแบบแนวทางการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนในทุกมิติของธุรกิจ ผ่านการดำเนินงานใน 4 ด้านหลัก ได้แก่
1. Sustainable Finance and Capacity Building เสริมสร้างขีดความสามารถด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน พร้อมสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของลูกค้าในมิติของ
2. Quality Growth ผลักดันการเติบโตทางธุรกิจอย่างมีคุณภาพ ด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้งในความต้องการของลูกค้าแต่ละราย พร้อมสร้างสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยง
3. Investment Banking Solution-เสริมแกร่งโซลูชันการเงินเพื่อธุรกิจแบบครบวงจรผ่านความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับเครือข่ายระดับโลกของ MUFG เครือข่ายธนาคารพันธมิตรในภูมิภาคอาเซียน
สุดท้าย 4. Leverage MUFG & Global Network การยกระดับการให้บริการและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจที่ก้าวไกลยิ่งขึ้นให้กับลูกค้า
โดยในปีนี้ กลุ่มงานลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ได้ต้อนรับหน่วยงานที่ดูแลกลุ่มลูกค้าบรรษัทข้ามชาติ หรือ Multinational Corporation (MNC) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมธุรกิจ ซึ่งพร้อมจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งร่วมกับบรรษัทข้ามชาติในภูมิภาค East Asian
โดยเฉพาะเอเชียตะวันออก เช่น จีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ และไต้หวัน ที่แสดงให้เห็นสัญญาณที่ดีในการขยายการลงทุนและดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย







