‘เศรษฐพุฒิ‘ ไม่ปิดกั้นนวัตกรรมใหม่ ชี้ Stable coin ประโยชน์ไม่ชัด

‘เศรษฐพุฒิ‘ ไม่ปิดกั้นนวัตกรรมใหม่ ชี้ Stable coin ประโยชน์ไม่ชัด

“เศรษฐพุฒิ” ชี้ไม่ปิดกั้นนวัตกรรมการเงิน สะท้อนเดินหน้าทดสอบเทคโนโลยีการเงินใหม่ต่อเนื่อง แต่ “สเตเบิลคอยน์” ชี้ประโยชน์ยังไม่ชัด ยังไม่ถูกใช้แพร่หลาย

KEY

POINTS

  • 'เศรษฐพุฒิ' กังวล หากใช้สินทรัพย์ดิจิทัล กับการชำระเงิน
  •  ชี้ Stable coinมีหลายรูปแบบ บางรูปแบบมีความเสี่ยงสูง ประโยชน์ไม่ชัด
  • ย้ำหากนำมาใช้ ในด้านการชำระเงิน ต้องดีกว่าระบบพร้อมเพย์
  • ชี้ธปท. ไม่ปิดกั้นนวัตกรรมทางการเงินพร้อมเปิดให้นวัตกรรมให้ทดสอบผ่าน Regulatory Sandbox

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่าในส่วนของสินทรัพย์ดิจิทัล ส่วนที่เกี่ยวกับการลงทุน จะเกี่ยวเนื่องกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

แต่หากเกี่ยวกับ ธปท. จะเกี่ยวกับการที่สินทรัพย์ดิจิทัล ถูกใช้เป็น Means of Payment เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ

ส่วนนี้ ธปท. จะเข้ามาดูแลซึ่งในส่วนที่ ธปท. กังวล และConcern คือ เพราะของพวกนี้จะมีความเสี่ยง แต่หากพูดถึง คำว่า “สเตเบิลคอยน์” (Stablecoin) ถือว่าเป็นคำที่กว้างมาก ซึ่งหากมาอยู่ในรูปของ E money เงินอิเล็กทรอนิกส์ ความเสี่ยงก็อาจจะน้อย

แต่ Stablecoin บางรูปแบบที่เห็นในต่างประเทศ เราไม่รู้ว่าอะไรที่แบล็กอยู่เบื้องหลัง ทำให้ Stablecoin ในแง่ของการรักษามูลค่าสินทรัพย์คงที่ไม่ได้ชัดเจน ซึ่งหากมองในด้านความเสี่ยงเหล่านี้คือความเสี่ยง ส่วนในด้านอัปไซส์ ต้องดูว่านวัตกรรมต่างเป็นประโยชน์หรือไม่ มีประโยชน์คุ้มค่ากับความเสี่ยงหรือไม่ และดีกว่าของเก่าที่มีอยู่ในปัจจุบันหรือไม่

ทั้งนี้ หากถามในด้านการชำระเงินในปัจจุบัน มองว่าระบบพร้อมเพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ถือว่าทำหน้าที่ได้ดี ใช้จ่าย ถูกใช้อย่างกว้างขวาง ค่อนข้างดี ต้นทุนต่ำ ผู้ใช้บริการไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่างๆ

ดังนั้น หากถามว่า การที่จะมีตัวอื่นเข้ามาจะช่วยอะไรหรือไม่ มองว่า สิ่งที่ต้องมั่นใจคือหากมีของใหม่มาทดแทนได้ต้องดีกว่าของเก่าที่มีอยู่แล้ว ซึ่งในส่วนของ Stablecoin ไม่ได้มีความชัดเจนในด้านนี้

ธปท.ไม่ปิดกั้นนวัตกรรมการเงิน

ในมุมของ ธปท. ไม่ได้มีการปิดกั้น ในเรื่องของนวัตกรรมใหม่ โดยเฉพาะนวัตกรรมที่มีประโยชน์ เช่นปัจจุบันที่ธปท. อยู่ระหว่างการยกระดับประสิทธิภาพความสามารถด้านการชำระเงินต่างๆ ที่มีการเปิดให้มี Sandbox หรือคือสนามทดสอบเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมทางการเงินต่างๆ อยู่

หรือการที่ ธปท. อยู่ระหว่างการทดสอบโครงการสกุลเงินดิจิทัล (CBDC) ที่ถือเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง โดยปัจจุบัน ธปท. อยู่ระหว่างการทดสอบ Retail CBDC อยู่ในวงจำกัด ที่เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า ธปท. อยากทดสอบเทคโนโลยีต่างๆ และไม่ได้ปิดกั้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้มั่นใจว่า หากทำได้จริง มีประสิทธิภาพ ธปท.ก็พร้อมทำ และสิ่งเหล่านี้ก็เพื่อให้ธปท.เห็นถึงความเสี่ยงเทคโนโลยี เข้าใจโจทย์ต่างๆ ได้มากขึ้น ที่ผ่านมาจึงมีการดึงสถาบันการเงิน และนอนแบงก์ และร้านค้าจำนวนหนึ่งเข้ามาทดสอบการใช้จ่ายผ่าน CBDC ด้วย

และจากบนเรียนจากการทดสอบนี้ ทำให้ ธปท. เห็นภาพ และมาประเมินภาพต่างๆ ได้ชัดเจนมากขึ้น หาก ธปท. พร้อมจะออก CBCD ในอนาคต แต่หากถามว่า ธปท. อยากออกหรือไม่ หรือในระยะเวลาอันใกล้ 3-5 ปี หรือไม่ “ไม่” เพราะขณะนี้ยูสเคสยังไม่ชัดเจน หากเทียบกับระบบพร้อมเพย์

“หากถามว่า เราอยากจะออก CBCD ในระยะเวลาอันใกล้นี้ใน 3-5 ปีหรือไม่ ยังไม่ เพราะยูสเคทไม่ชัดเจน และในต่างประเทศก็ยังไม่ได้เคลียร์ทั้ง CBDC หรือ Stablecoin ที่นำมาใช้ด้านการชำระเงินอย่างกว้างขวาง ก็ไม่ชัดเจนว่ามีใครใช้ในวงกว้าง จีนก็ทำแบบวงจำกัด หรือบาฮามัสต่างๆก็วงจำกัด การใช้ไม่ได้แพร่หลายมากนัก”