เทียบฟอร์ม '6 แคนดิเดต’ ลุ้นชิง ‘ผู้ว่าแบงก์ชาติ’ คนใหม่

เปิด ‘6แคนดิเดต‘ ชิงตำแหน่ง ‘ผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่ ’เศรษฐพุฒิ‘ ฝากไม้ต่อ ขอให้สานต่อเรื่องระยะยาว เน้นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานประเทศ ลดปัญหาเชิงโครงสร้าง
KEY
POINTS
Key points
- เปิดรายชื่อ ‘6แคนดิเดต‘ ที่มีโอกาสชิงตำแหน่ง ‘ผู้ว่าการแบงก์ชาติ' คนใหม่’ ที่อยู่ระหว่างการเปิดรับสมัคร 13 พ.ค.นี้ ถึง 4 มิ.ย.นี้
- มีการคาดการณ์ว่าผู้สมัครผู้ว่าการ ธปท.จะมีทั้งคนในและคนนอกที่จะมาดูแลเศรษฐกิจที่มีความท้าทายจากสงครามการค้า
- 'เศรษฐพุฒิ‘ ผู้ว่าการ ธปท.ที่กำลังจะพ้นวาระได้ฝากไม้ต่อ ขอให้สานต่อเรื่องระยะยาว เน้นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานประเทศ ลดปัญหาเชิงโครงสร้าง
กำลังเริ่มอย่างเป็นทางการ สำหรับการเปิดรับสมัคร “ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย” (ธปท.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 13 พ.ค. ถึง 4 มิ.ย. 2568 หลัง “คณะกรรมการคัดเลือก” ผู้ว่าการฯ แบงก์ชาติ นำโดย “ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์” อดีตปลัดกระทรวงการคลังและอดีตประธานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) นั่งเป็นประธานคณะกรรมคัดเลือกผู้ว่าฯ แบงก์ชาติคนใหม่
การคัดเลือกตำแหน่ง “ผู้ว่าการแบงก์ชาติ” คนใหม่ มานั่งแทน “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ที่จะครบวาระวันที่ 30 ก.ย. 2568 นี้
ถือว่ามีความท้าทาย และน่า “จับตา” ไม่น้อยในการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมมานั่งตำแหน่งนี้ ต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญอย่างมากในภาค “การเงินการคลัง” โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้ของบริบทเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ที่กำลังเผชิญความท้าทาย
สำหรับ “ไม้ต่อ” ของ “เศรษฐพุฒิ” ที่จะฝากฝังไว้กับ “ผู้ว่าการแบงก์ชาติคนถัดไป
แม้ล่าสุดตัวเขาเองจะยังไม่ครบวาระ และเหลืออีกกว่า 5 เดือนเศษ เขามองว่าเรื่องที่ต้องสานต่อ
โดยเฉพาะเรื่องระยะยาวที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญ แม้เรื่องเหล่านี้อาจไม่เห็นผลเร็ว เช่น Financial landscape Open Data ฯลฯ เหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยยกระดับการแข่งขันของประเทศให้เกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าได้
สำหรับ “แคนดิเดต” ผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่ เบื้องต้นมี 6 คน
คนแรกเป็นคน (ใน) คือ ดร.รุ่ง โปษยานนท์ มัลลิกะมาส ปัจจุบันเป็นรองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกรรมการในคณะกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (กกธ.) คณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) และคณะกรรมการระบบการชำระเงิน (กรช.)
ดร.รุ่ง คว่ำหวอดในแวดวงการเงินมานานกว่า 20 ปี เคยเป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รองผู้ว่าการ ด้านบริหาร ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน และผู้ช่วยผู้ว่าการ สายเสถียรภาพการเงินและยุทธศาสตร์องค์กร
รวมทั้งเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน และผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน
ซึ่งมีส่วนร่วมสำคัญในการวางกลยุทธ์ของ ธปท. ผ่านมาตรการตลาดการเงินและการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจการเงินทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤต
นอกจากนี้ นางรุ่ง มีบทบาทหลักในการขับเคลื่อน "ภูมิทัศน์ภาคการเงินไทย" ซึ่งมุ่งสร้างภูมิทัศน์ทางการเงินใหม่สำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลและการเติบโตอย่างยั่งยืนของไทย และนำไปสู่การพัฒนาโครงการ Your Data การจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) รวมถึงการยกระดับกลไกการค้ำประกันเครดิต (NaCGA) ให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของไทย อีกทั้งมีส่วนร่วมผลักดัน "แนวทางการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน"
นางรุ่ง ยังมีบทบาทในภาคการเงินผ่านการดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารกองทุนประกันชีวิต (กปช.) คณะกรรมการบริหารกองทุนประกันวินาศภัย (กปว) คณะกรรมการกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) คณะกรรมการสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) กรรมการบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Global Business and Strategy บมจ. ธนาคารกรุงไทยในช่วงปี 2560-2562
คนที่สอง “ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล” กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และอุปนายก สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย เชี่ยวชาญทั้งด้านเศรษฐศาสตร์ การเงิน และตลาดทุน มีประสบการณ์ทำงาน ทั้งในตำแหน่งภาครัฐและเอกชน เคยเป็นทั้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีบทบาทสำคัญในการทำงานด้านนโยบายการเงิน นโยบายเศรษฐกิจมหภาค นโยบายสถาบันการเงิน และแผนพัฒนาตลาดทุนร่วมกับหน่วยงานสำคัญทั้งธปท. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
คนที่สาม “ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” อธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ประธานกรรมการ ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) (ttb) กรรมการ และกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน บริษัท ปตท.สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม หรือ PTTEP
ดร.เอกนิติ เคยนั่งบริหารองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนที่สำคัญหลายแห่ง ทั้งเคยเป็นอธิบดีกรมสรรพสามิต อธิบดีกรมสรรพากร ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และรองผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังกระทรวงการคลัง
ทั้งมีประสบการณ์ในฐานะประธานกรรมการและกรรมการในบริษัทต่างๆ เช่น กรรมการ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ประธานกรรมการ ธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ประธานกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ดร.เอกนิติ ถูกจับตามองอย่างมาก ที่จะทำหน้าที่การ “ประสานรอยร้าว” ระหว่างภาคการเงินการคลังในรัฐบาลนี้ได้
คนที่สี่ “ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์” ปัจจุบันนั่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อบาคัส ดิจิทัล จำกัด และ เคยดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริหารสายงาน Economic Intelligence Center และดูแลสายงานวิเคราะห์ความเสี่ยง มีประสบการณ์ทำงานกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) สหรัฐอเมริกา, สายงานบริหารความเสี่ยงของกลุ่มการเงิน ING ประเทศเนเธอร์แลนด์ ฯลฯ
ดร.สุทธาภา ถือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับทุกคน ทั้งประสบการณ์ทำงานที่เต็มเปี่ยม ยังมี “บารมี” จากฟากฝั่งการเมือง จากการเป็นตระกูลใหญ่มาอย่างยาวนานสำหรับ “อมรวิวัฒน์” ที่มีอิทธิพลไม่น้อยในแวดวงการเมือง โดยเฉพาะภายใต้รัฐบาลนี้ที่ยังมีลูกพี่ลูกน้องคือ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในปัจจุบัน
คนที่ห้า “ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ” ที่ถือว่ามีประสบการณ์หลากหลายทั้ง เศรษฐศาสตร์และการเงิน คลุกคลีอยู่ในวงการแบงก์มานับไม่ถ้วน ดังนั้นเป็นอีกคนที่ถือว่า “มีของ” และน่าจับตามองอย่างมาก
ดร. สมประวิณ มันประเสริฐ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ผู้มีประสบการณ์หลากหลาย ทั้งในภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคเอกชน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และเคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานกลยุทธ์องค์กรของธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นบทบาทที่ต้องขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ทั้งองค์กรในบริบทการแข่งขันระดับสูง พร้อมประสานงานกับหน่วยธุรกิจและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนมากทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญของเศรษฐกิจและระบบการเงินไทย
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์จาก University of Maryland at College Park และสั่งสมประสบการณ์มากกว่า 25 ปีในบทบาทระดับผู้บริหาร อาทิ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงาน Economic Intelligence Center (EIC) ของธนาคารไทยพาณิชย์ และหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ (Chief Economist) ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
รวมถึงรองคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จุดแข็งคือความเข้าใจบริบทของเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างดี นำข้อเท็จจริงจากข้อมูลที่หลากหลายมาวิเคราะห์เพื่อนำไปสู่ข้อเสนอแนะทางนโยบายอย่างมียุทธศาสตร์ การจัดลำดับความสำคัญของนโยบายในสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง และการจัดการประเด็นขัดแย้งอย่างเป็นระบบ
ในระดับนโยบายสาธารณะ ดร. สมประวิณ มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาควิชาการ เช่น การเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการคลัง อนุกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจในวุฒิสภา และกรรมการในสถาบันวิจัยชั้นนำอย่างสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)
รวมถึงเคยมีบทบาทในคณะทำงานวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจหลังโควิด-19 ความสามารถในการฟัง วิเคราะห์ และเชื่อมโยงมุมมองที่หลากหลาย มีประสบการณ์ในการผลักดันเสนอนโยบายทั้งในระดับประเทศและระดับองค์กร
สุดท้าย ดร.สันติธาร เสถียรไทย ปัจจุบัน Future Economy Advisor สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เคยนั่งกรรมการผู้จัดการของ Sea Group เคยเป็นผู้บริหารสูงสุดของทีมเศรษฐกิจเอเชียที่ธนาคาร Credit Suisse มีหน้าที่วิเคราะห์พยากรณ์เศรษฐกิจและให้คำแนะนำการลงทุนใน10 เศรษฐกิจในเอเชีย ฯลฯ
แม้จะยังไม่รับการส่งสัญญาณว่าอาจลงสมัครตำแหน่งผู้ว่าการครั้งนี้ เพราะหลายคนเชื่อว่า “สันติธาร” เองน่าจะมีเวลาจังหวะที่เหมาะสมของเขาเอง และเขาก็มีเวลาอีกมาก ในการสมัครผู้ว่าการแบงก์ชาติในครั้งถัดไป ด้วยอายุที่อ่อนกว่าบรรดาผู้สมัครทั้งหมด ประสบการณ์การทำงานต่างๆ ที่สามารถเก็บเกี่ยวได้อีกมาก ดังนั้น จะมาตอนนี้ก็ดี มาหลังจากนี้ก็เหมาะสมทุกประการ
ดังนั้น แม้ไม่ลงสมัครผู้ว่าการแบงก์ชาติครั้งนี้ แต่ตำแหน่งผู้ว่าการแบงก์ชาติก็คงไม่เกินเอื้อม สำหรับ “ดร.สันติธาร” ในอนาคต
ด้วยความรู้ความสามารถ ประสบการณ์การทำงานทั้งเกี่ยวกับเศรษฐกิจมหภาคและภาคการเงิน ยิ่งไปกว่านั้นหลายคนเชื่อว่าด้วยความยิ่งใหญ่ ด้วยบารมีของตระกูล “เสถียรไทย” จะยิ่งเป็นแรงผลักดันให้ดร.สันติธารไปได้ไกลเท่าที่ใจอยากจะเป็นแน่นอน...







