บลูมเบิร์กวิเคราะห์ พันธบัตรตลาดเกิดใหม่รวม ‘ไทย’ ทนทานแม้ตลาดผันผวน

บลูมเบิร์กวิเคราะห์ พันธบัตรตลาดเกิดใหม่รวม ‘ไทย’ ทนทานแม้ตลาดผันผวน

'บลูมเบิร์ก' สำรวจข้อมูลจาก 7 ประเทศในเอเชีย วิเคราะห์พันธบัตรตลาดเกิดใหม่รวม ‘ไทย’ ทนทานแม้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐผันผวน จากปัจจัยหนุนแบงก์ชาติเอเชีย ‘ลดดอกเบี้ย'

สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้ทำการวิเคราะห์พันธบัตรของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย (Emerging Asian bonds)พบว่า ตลาดมักจะได้รับปัจจัยบวกเมื่อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งทำให้อัตราผลตอบแทนลดลง และในทางกลับกัน พันธบัตรเอเชียเหล่านี้ก็มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนน้อยกว่า หรือทนทานต่อสภาวะตลาดได้ดีกว่าเมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลดลง

บลูมเบิร์กได้สำรวจข้อมูลจาก 7 ประเทศในเอเชีย และวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในช่วงที่ผลตอบแทนขึ้นไปสูงสุด และลงไปต่ำสุดรวม 6 ครั้งล่าสุด

ผลการศึกษานี้ชี้แนะว่า สำหรับคนที่ลงทุนในพันธบัตรอาจเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่จะ "ถือ" การลงทุนในพันธบัตรของตนไว้ก่อนในช่วงที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ "ปรับตัวสูงขึ้น" และในทางกลับกัน เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ "ปรับตัวลดลง" ก็อาจเป็นจังหวะที่ดีที่จะ "ซื้อเพิ่ม" หรือเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรเข้าพอร์ตของตน

‘บอนด์ไทย’ ไม่ผันผวนตามตลาดสหรัฐ

ผลการศึกษายกตัวอย่างกรณีของประเทศไทยว่า ในช่วงเวลาที่ทำการวิเคราะห์นั้น เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐ "ลดลง" 0.01% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของไทยจะ "ลดลงตาม" โดยเฉลี่ยประมาณ 0.0054%

แต่ในทางกลับกัน หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐ  "เพิ่มขึ้น" 1 หน่วย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของไทยกลับ "เพิ่มขึ้นตามเพียงเล็กน้อย" คือแค่ประมาณ 0.0016% เท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผลตอบแทนพันธบัตรไทยค่อนข้างทนทานหรือไม่ผันผวนตามตลาดสหรัฐมากนัก โดยเฉพาะในช่วงที่ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น

บลูมเบิร์กวิเคราะห์ พันธบัตรตลาดเกิดใหม่รวม ‘ไทย’ ทนทานแม้ตลาดผันผวน ตัวเลขการเปลี่ยนแปลงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของประเทศในเอเชีย เทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่เพิ่มขึ้น หรือลดลง 0.01%

‘ลดดอกเบี้ย' หนุนตลาดเอเชีย

ตลาดพันธบัตรในภูมิภาคเอเชียกำลังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางหลายแห่งทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย  ตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางของอินเดีย อินโดนีเซีย ไทย เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ ต่างก็ได้ดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินด้วยการลดดอกเบี้ยลงแล้ว 

แม้ว่าในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา แบงก์ชาติเกาหลีใต้ และอินโดนีเซีย จะตัดสินใจคงดอกเบี้ยไว้ แต่ทั้ง 2 แห่งก็ได้ส่งสัญญาณการลดดอกเบี้ยลงอีกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินโดยรวมนี้ส่งผลดี และเป็นแรงสนับสนุนต่อตลาดพันธบัตรในภูมิภาค

ทั้งนี้ ประเด็นที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดในวันนี้ ( 8 พ.ค.68 ) คือ การประชุมของแบงก์ชาติมาเลเซีย ซึ่งจะมีมติเรื่องดอกเบี้ยนโยบายออกมา 

 อาทิตยา ชาร์มา นักวิเคราะห์ด้านตลาดเกิดใหม่จาก Natwest Markets ประเทศอินเดีย ให้ความเห็นว่า ขณะนี้ตลาดการเงินอาจกำลังคาดการณ์หรือปรับตัวรับแนวโน้มของการปรับลดดอกเบี้ยของเหล่าแบงก์ชาติเอเชีย เนื่องจากภาวะ “เงินเฟ้อ” ที่เริ่มลดลง ประกอบกับความเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้นจากผลกระทบของภาษี

นอกจากนี้ปัจจัยเสริมอีกประการคือ การที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ค่าเงินของประเทศในเอเชียแข็งค่าขึ้นหรือมีเสถียรภาพมากขึ้น ทำให้ธนาคารกลางมีช่องว่างในการลดดอกเบี้ยได้

 

 

อ้างอิง Bloomberg

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์