สวิสโมเดล

สวิสโมเดล

ความโดดเด่นของสวิตเซอร์แลนด์ในสองเรื่องคือ ช็อคโกแลต และ World Economic Forum เผื่อว่าประเทศไทยจะเดินตามรอยบ้าง เรื่องราวเหล่านี้เก็บตกมาจากองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ชื่อว่า House of Switzerland

หลังจากดิฉันจิตตก ผิดหวังกับหลายๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ และพลอยทำให้ไม่อยากอยู่ในไทย ได้คุยกับฝรั่งที่อยู่ในประเทศไทยมานาน และถามเขาว่าชอบอะไรเกี่ยวกับเมืองไทย และถูกเขาย้อนถามกลับว่า ถ้าไม่อยากอยู่เมืองไทย อยากไปอยู่ประเทศไหนหรือ ดิฉันตอบไม่ได้ในทันที แต่มีคนข้างๆ ตอบแทนว่าไม่ไปไหน อยากอยู่เมืองไทยนี่แหละ ดิฉันเฝ้าขบคิดทุกครั้งที่มีเวลาว่างว่า ถ้าดิฉันกับเพื่อนร่วมชาติพยายามผลักดันและช่วยกันปรับเปลี่ยนประเทศให้สมบูรณ์แบบ น่าอยู่มากกว่านี้ ดิฉันควรศึกษาโมเดลหรือรูปแบบจากใคร

วันนี้ตกผลึกแล้วค่ะ อยากเป็นแบบประเทศสวิตเซอร์แลนด์ วันนี้จึงอยากมาเล่าให้ท่านผู้อ่านเกี่ยวกับสิ่งที่สวิตเซอร์แลนด์ได้ทำมา และชวนให้ขบคิดกันว่า เราจะร่วมแรงร่วมใจช่วยกันทำประเทศเราให้เป็นอย่างนั้นบ้างได้ไหม อย่างน้อยในอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า เราจะได้ยืดอกเต็มที่ว่า ฉันมาจากประเทศไทย ฉันรักประเทศไทยมาก และใครๆก็อยากเป็นเหมือนประเทศไทย เราน่าจะวางตำแหน่งเราเป็นสวิสเซอร์แลนด์ของเอเชีย (Switzerland of Asia)

เวลาพูดถึงจิตวิญญาณของสวิตเซอร์แลนด์ หรือ Switzerland Spiritual คนจะคิดถึงอะไรบ้าง ข้อมูลจาก Spiritual Meaning Academy แสดงไว้ว่า หมายถึง ความมีเสถียรภาพ (Stability) ความมั่งคั่ง (Wealth) ความแม่นยำ (Precision) และความสงบ (Peace) ซึ่งล้านแต่เป็นในเชิงบวกทั้งหมด

ดิฉันคิดว่าโดยพื้นฐาน ไทยเราสามารถสร้างจิตวิญญาณเหล่านี้ได้ดีเช่นกัน ยกเว้นในเรื่อง ความแม่นยำ เพราะจริตของเราจะออกไปทางศิลปะมากกว่า จึงอยากเสนอ จิตวิญญาณของไทยเป็น ความมีเสถียรภาพ (Stability) ความมั่งคั่ง (Wealth) ความเป็นศิลปะ (Artistic) ความสงบ (Peace) และเพิ่ม ความเป็นมิตร (Friendliness) ลงไปก็จะสมบูรณ์พอดี

ศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติ สามารถส่งเสริมจิตวิญญาณทั้งห้าอย่างนี้ได้ด้วยดี

เมื่อเรามุ่งมั่นจะสร้างจิตวิญญาณนี้ให้ชาติของเรา เราก็ต้องสร้างและอบรมคนของเราให้ยึดมั่นในคุณธรรม ในประชากรผู้ใหญ่ และอบรมและสร้างให้เยาวชนของเราเข้าถึงและมีจิตวิญญาณเหล่านี้

ฝันอยากเป็นสวิตเซอร์แลนด์ หรือ Swiss Dream เรานึกถึงอะไร เขาบอกว่าคนทั่วไปเห็นสวิตเซอร์แลนด์เป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ (Peace) และความอยู่ดีกินดี (Prosperity)  มีหลายสิ่งที่สวิสเซอร์แลนด์มีความโดดเด่น เช่น ในเรื่องการปีนเขา จะสื่อถึงความกล้าหาญ ความมุ่งมั่น และการอยากเอาชนะความท้าทายที่มีอยู่ เป็นสัญลักษณ์ของการเติบโต และการให้อำนาจและส่งเสริมให้คนไปกระทำสิ่งต่างๆด้วยตนเอง คนสวิสขยัน แม้จะไม่ได้เป็นมิตรมากมาย แต่ด้านบริการก็ไม่เป็นรองใคร จึงเป็นศูนย์รวมของวิทยาลัยการจัดการโรงแรมและการท่องเที่ยวที่มีชื่อของโลกหลายแห่ง 

หากไปดูในนิทานและนิยายพื้นบ้าน รวมถึงวรรณกรรมต่างๆ จะมีการสะท้อนค่านิยมเหล่านี้ และจะเห็นจิตวิญญาณและสัญลักษณ์เหล่านี้ซ่อนอยู่มาหมาย นิทานและเรื่องเล่าจะมีชาวบ้าน (ชาวนา ชาวไร่ ชาวชนบท) ที่สามารถเอาชนะมารร้ายได้ มีเรื่องราวของไฮดี้ เด็กกำพร้าผู้ถูกส่งไปมีชีวิตเรียบง่ายในชนบทกับคุณปู่ ซึ่งสะท้อนถึงชีวิตที่ต้องทำงาน การอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ ความเป็นอิสระ 

ขอยกตัวอย่างความโดดเด่นของสวิตเซอร์แลนด์ในสองเรื่องคือ ช็อคโกแลต และ World Economic Forum เผื่อว่าประเทศไทยจะเดินตามรอยบ้าง เรื่องราวเหล่านี้เก็บตกมาจากองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ชื่อว่า House of Switzerland ค่ะ

เรื่องของช็อคโกแลตเป็นอย่างไร 

สวิตเซอร์แลนด์ไม่ได้ปลูกต้นโกโก้เอง แต่การเกิดขึ้นของช็อคโกแลต จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศนั้น เกิดขึ้นจากการที่คนซึ่งไม่มีที่ดิน ไม่ใช่เกษตรกร แต่มีความสนใจที่หลากหลาย ต้องการหาหนทางทำมาหากิน เมื่อได้ไปเห็นสหรัฐอเมริกาผลิตช็อคโกแลต จึงผุดความคิดในการอยากทดลองทำช็อคโกแลตในสวิตเซอร์แลนด์ ทั้งนี้สวิตเซอร์แลนด์มีต้นทุนที่ดี คือ มีนมสดที่มีคุณภาพดีและมีภาพลักษณ์ว่าบริสุทธิ์ เหมือนเทือกเขาแอลป์ส การทำช็อคโกแลต จึงเกิดขึ้น และมีการทดลองทำหลายเจ้า ทำไปทำมาจนเป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้ปีละมากถึง 2,212.6 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 75,200 ล้านบาท โดยส่งออกเป็นอันดับ 10 ของโลก ด้วยมูลค่า 1,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 33,500 ล้านบาทในปี 2023 (ห้าอันดับแรกคือ เยอรมนี เบลเยียม โปแลนด์ อิตาลี และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งส่งออกช็อคโกแลตเป็นสัดส่วนรวมกันถึง 49.1% ของโลก)

อย่างที่สอง World Economic Forum (WEF) เป็นองค์กรไม่แสวงกำไรที่ก่อตั้งโดยศาสตราจารย์ Klaus Schweb จากมหาวิทยาลัยเจนีวา เป็นองค์กรแรกที่นำภาครัฐและภาคเอกชนมาหารือและร่วมมือกันในประเด็นเศรษฐกิจต่างๆของโลก  จัดประชุมใหญ่ที่เมืองดาวอส (Davos) ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่มีที่ตั้งสูงที่สุดในยุโรป คือประมาณ 1,560 เมตร หรือ 5,120 ฟุต จากระดับน้ำทะเล เรียกได้ว่า ถ้าจะไปกระทบไหล่กับคนระดับท้อปของโลก ต้องไปงานประชุมที่ดาวอสค่ะ โดยก่อนหน้านั้น กลุ่มภครัฐก็ประชุมกับภาครัฐ กลุ่มเอกชนก็ประชุมกับเอกชน

ภายหลัง ขอบเขตของการหารือกันได้ขยายไปเรื่องของผลกระทบต่อโลก (Global Impact) ด้วย จึงยิ่งทำให้ขอบข่ายกว้างขึ้น และมีกลุ่มองค์กรอิสระเข้าร่วมเพิ่มมากขึ้น

สวิตเซอร์แลนด์เหมาะสมที่จะเป็นที่ประชุมอย่างไร สวิตเซอร์แลนด์ดำรงความเป็นกลางทางการเมือง ไม่ว่าจะค่ายประชาธิปไตย สังคมนิยม หรือคอมนิวนิสต์ ก็สามารถเข้าร่วม และแสดงจุดยืนของตนได้ องค์การระหว่างประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานหลานหน่วยงานของสหประชาชาติ ก็มีที่ตั้งอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ ทั้งอากาศก็ดี สะอาด สงบ เป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศอยู่แล้ว ผู้นำประเทศและผู้นำองค์กรจึงถือโอกาสมาประชุมและพักผ่อนไปในตัว นำเงินเข้าประเทศได้อีก

ไทยเราต้องมุ่งมั่นอย่างเอาจริงเอาจังแล้ว ไม่ใช่นั่งหัวเราะเมื่ออ่านขำขันที่หยอกล้อกันว่า ประเทศเราดีเกินไป อากาศดี ทำเลที่ตั้งดี ภูมิประเทศสวยงาม อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ ค่าครองชีพต่ำ พระเจ้ากลัวคนประเทศอื่นอิจฉา จึงส่งนกกระสามาให้เชื่อในความสามารถของคนไทย และอยากให้กำลังใจในการทำความดีต่อไป อย่าท้อแท้ 

ต้องเชื่อว่าเมื่อคนดีๆมีความสามัคคีและรับผิดชอบต่อหน้าที่ เราจะมีศักยภาพที่จะสร้างประเทศที่น่าอยู่ มั่นคง ประชาชนดีและมั่งคั่ง อยู่กันอย่างสุขสบาย มีความรับผิดชอบ ใช้มาตรการทางสังคมที่เข้มแข็งเหมือนในอดีต ต้อนรับคนดีๆ ขับไล่คนที่ไม่ดีให้อยู่ไม่ได้ กดดันให้เขาต้องละอายใจและออกไปจากสังคม

รอวันนั้นมาถึงค่ะ