หลัง กนง. ลดดอกเบี้ย เงินบาท ‘อ่อนค่า‘ ที่ 33.33 บาทต่อดอลลาร์

กรุงศรีฯ ระบุเงินบาทเคลื่อนไหวที่ 33.33 บาทต่อดอลลาร์ หลัง กนง.ลดดอกเบี้ย และตลอดช่วงบ่าย ‘อ่อนค่าลง’ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยตามภาวะตลาดปิดที่ 33.39 บาทต่อดอลลาร์
นางสาวรุ่ง สงวนเรือง กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการประชุมคณะกรรมการ นโยบายการเงิน (กนง.) โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งมีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% อยู่ที่ 1.75% ต่อปี การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นครั้งที่สองของปีนี้หลังจากการปรับลดครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์
ในการแถลงของ กนง. ระบุว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ และมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเนื่องจากนโยบายการค้าโลกและการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยว ภาวะการเงินโดยรวมยังคงตึงตัว แถลงการณ์ของ กนง. ยังระบุด้วยว่า นโยบายการกีดกันทางการค้าจะเริ่มส่งผลกระทบมากขึ้นตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2568 เป็นต้นไป ดังนั้นจะมีการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจภายใต้หลายสถานการณ์และอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 เป็นต้นไป
สำหรับฉากทัศน์ที่สงครามการค้ารุนแรงไม่สูงมากอาจส่งผลให้อัตราการเติบโตของ GDP ปี 2568 และ 2569 จะอยู่ที่ 2.0% และ 1.8% ตามลำดับ และฉากทัศน์ที่สงครามการค้ารุนแรง คาดว่าอัตราการเติบโตของ GDP จะอยู่ที่ 1.3% และ 1.0% ตามลำดับ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มลดต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย 1-3% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบโลกและมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ ซึ่งช่วยบรรเทาค่าครองชีพและลดต้นทุนให้กับภาคธุรกิจ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะทรงตัวและคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะกลางยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม นโยบายกีดกันทางการค้าและการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่การผลิตโลกอาจส่งผลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อในอนาคต
ทางด้าน เงินบาทค่อนข้างทรงตัว เคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 33.33 บาทต่อดอลลาร์ หลังจากการประกาศลดอัตราดอกเบี้ย โดยกนง. ระบุว่าความผันผวนในตลาดโลกเพิ่มขึ้นเนื่องจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้า อย่างไรก็ตาม กลไกการเคลื่อนไหวของตลาดการเงินไทยยังคงเป็นปกติ
สำหรับการประชุม กนง. ในครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นวันที่ 25 มิถุนายน 2568 ซึ่งท่าทีของ กนง. ในวันนี้บ่งชี้ความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจอย่างชัดเจน กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ปรับมุมมองและเชื่อว่ามีโอกาสที่ กนง. จะตัดสินใจลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกก่อนสิ้นปีนี้
นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 33.39 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.40 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงเช้า ตาม Sentiment ของสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ขาดแรงหนุนเช่นเดียวกับบอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวลง หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาด
อย่างไรก็ดี เงินบาททยอยอ่อนค่ากลับมาในช่วงบ่าย หลังกนง. มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาที่ 1.75% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด ประกอบกับเงินบาทน่าจะมีปัจจัยกดดันเพิ่มเติมจากการย่อตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลกด้วยเช่นกัน สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 3,319 ล้านบาท แต่ขายสุทธิพันธบัตรไทย 2,188 ล้านบาท
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.20-33.60 บาทต่อดอลลาร์
ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ราคาทองคำในตลาดโลก ประเด็นของสงครามการค้า สัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิตเดือนเม.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (พฤ.) และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานเดือนเม.ย. (ศ.)