HSBC ปักธงขึ้นอันดับ1 ด้าน ‘ชำระเงินผ่านดิจิทัล’ ลูกค้าธุรกิจไทย

HSBC ตั้งเป้าขึ้นผู้นำ ครองอันดับ 1 ของแบงก์ต่างประเทศ ในด้านการชำระเงินผ่านดิจิทัลของลูกค้าธุรกิจในไทย จากการมีเครื่อข่ายครอบคลุม 58 ประเทศทั่วโลกหนุน
นายนิธิ วชิรโกวิทย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายจัดการด้านการเงินและบริหารสภาพคล่อง ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย กล่าวว่า จากแนวโน้มการชำระเงินที่มีทิศทางเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ธนาคารต้องเตรียมตัวรองรับปริมาณธุรกรรมที่เกิดขึ้น
โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กลุ่มธนาคารเอชเอสบีซี ได้มีแผนการลงทุนต่อเนื่องราว 6,000 ล้านดอลลาร์ในการรองรับ 3 ด้านสำคัญ
ได้แก่ 1.ความเพียงพอในการรองรับธุรกรรม (Capacity) 2.มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้า และ 3.ความปลอดภัยและการป้องกันการทุจริต
ทั้งนี้ ธนาคารตั้งเป้าเป็นผู้นำ หรือขึ้นอันดับ 1 ของแบงก์ต่างประเทศ ในด้านการชำระเงินผ่านดิจิทัลของลูกค้าธุรกิจในไทยด้วย
จากการที่ธนาคารมีเครือข่ายทั่วโลก 58 ประเทศ และสามารถทำธุรกรรมแบบเรียลไทม์ครอบคลุม 16 ประเทศ ในเซ็กเตอร์สำคัญไม่ว่าอีคอมเมิร์ซ หรือฟู้ดดิลีเวอรี่ เป็นต้น รวมถึงสนับสนุนลูกค้าต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยให้สามารถบริหารจัดการทำธุรกิจได้คล่องตัวขึ้น
สำหรับภาพรวมระบบการชำระเงินผ่านอิเล็กทรอนิกส์ในเอเชียและไทย จะเห็นว่ามีทิศทางเพิ่มมากขึ้น
สะท้อนผ่านข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเห็นว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาการใช้เงินสดลดลง
โดยตัวเลขการเบิกถอนเงินสดผ่าน ATM และเคาน์เตอร์ธนาคารลดลง 12% และการใช้เช็คลดลงราว 35% ซึ่งสอดคล้องพฤติกรรมการโอนเงินของลูกค้าบุคคลและบริษัทที่มีการใช้โอนเงินมากขึ้น
ทั้งนี้ จากข้อมูลประเทศไทย ถือเป็นประเทศอันดับต้นๆ ในอาเซียนในการโอนเงินแบบเรียลไทม์ ซึ่งในปี 2567 มีการโอนเงินจำนวนเฉลี่ย 651 รายการต่อคนต่อปี เพิ่มจากปี 2562 ที่อยู่ 135 รายการต่อคนต่อปี หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 4.8 เท่า
โดยเฉลี่ยมีการโอนเงินอยู่ที่ 1.5-2 ครั้งวัน โดยในแง่มูลค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 480 บาท ลดลงจาก 990 บาท สะท้อนว่าคนไทยโอนเงินบ่อยขึ้นและยอดวงเงินการโอนลดลง
ส่วนหนึ่งมาจากการโอนเงิน “พร้อมเพย์” ที่มีการใช้แพร่หลายมากขึ้น เนื่องจากโอนง่ายสะดวกทั้งเบอร์มือถือและเลขที่บัตรประชาชน (ID) รวมถึงต้นทุนในการโอนเงินที่ต่ำ และโครงสร้างพื้นฐานรองรับการใช้งานในต่างประเทศด้วย
และจากแนวโน้มดังกล่าว ส่งผลให้ภูมิทัศน์การชำระเงิน (Payment Landscape) เปลี่ยนไป โดยบทวิจัยของบอสตัส คอนซัลติ้ง กรุ๊ป คาดการณ์ว่าภายในปี 2571 ปริมาณการโอนเงินเรียลไทม์ทั่วโลกจะอยู่ที่ 5.75 แสนล้านรายการ เติบโต 16.7% เมื่อเทียบปีกับปี 2566 และคาดว่าเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ในภูมิภาคเอเซียจะเพิ่มเป็น 1 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2573 เมื่อเทียบปี 2567 อยู่ที่ 3 แสนล้านดอลลาร์
ขณะที่ ธนาคารเอชเอสบีซี เป็นธนาคารที่ผู้นำด้านการชำระเงินอันดับ 1 ของโลก โดยมีการทำธุรกรรมด้านการชำระเงินถึง 4,500 ล้านครั้งต่อปีคิดเป็นมูลค่ากว่า 600 ล้านล้านดอลลาร์ โดย HSBC Global Payments Solutions หรือฝ่ายจัดการด้านการเงินและบริหารสภาพคล่อง
โดยธนาคารมีจุดเด่นใน 3 ด้าน คือ ในฐานะธนาคารระดับโลก ธนาคารสามารถช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการระบบการเงินได้ในธนาคารเดียว ตั้งแต่ฝั่งขารับและฝั่งขาจ่าย เพื่อบริหารจัดการกระแสเงินสดในการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และ 2.Real time payment การให้บริการการชำระเงินแบบเรียลไทม์ และ 3.API ซึ่งเป็นการรับส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ และเพื่อจะช่วยให้การชำระเงินมีประสิทธิภาพมากขึ้น