ราคาทองคำถอยลง หลังทำสถิติสูงสุดใหม่ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

ราคาทองคำถอยลง หลังทำสถิติสูงสุดใหม่ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

ราคาทองคำย่อลงในวันอังคาร หลังทะลุ 3,500 ดอลลาร์/ออนซ์ เป็นครั้งแรก เนื่องจากผู้ซื้อขายทำกำไรหลังจากพุ่งขึ้นเกือบ 10% ในเดือนนี้ หวังสงครามการค้าจีน - สหรัฐคลี่คลาย

บลูมเบิร์ก รายงานว่า ราคาทองคำร่วงลงในวันอังคาร (22 เม.ย.68) หลังจากทะลุ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นครั้งแรก เนื่องจากผู้ซื้อขายทำกำไรหลังจากพุ่งขึ้นเกือบ 10% ในเดือนนี้

ราคาทองคำส่งมอบทันที(Spot Gold) ลดลง 1.2% เหลือ 3,382 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 16.17 น. ตามเวลาในนิวยอร์ก โดยปรับตัวลงจากระดับสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ที่ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ราคาทองคำร่วงลงมากถึง 1.5% ในช่วงเวลาการซื้อขายของตลาดสหรัฐ หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ เนื่องจากความต้องการเสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยหุ้นฟื้นตัว พันธบัตร และดอลลาร์ทรงตัว 

ราคาทองคำซื้อขายล่วงหน้า (Gold Futures) แตะระดับสูงสุดในรอบการซื้อขายที่ 3,509.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในวันอังคาร หลังจากปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,425.30 ดอลลาร์เมื่อวันจันทร์

  • ราคาทองคำพุธเช้า

ราคาทองคำส่งมอบทันทีร่วงลง 1.2% อยู่ที่ 3,339.94 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 7.46 น. ตามเวลาสิงคโปร์ ค่าดอลลาร์ปรับขึ้นโดยดัชนี Bloomberg Dollar Spot ปรับตัวขึ้น 0.3% เงิน และแพลเลเดียมขยับขึ้นเล็กน้อย ขณะที่แพลทินัมทรงตัว

  • ทองถูกซื้อมากเกินไป

โลหะมีค่ายังอยู่ในโซนซื้อมากเกินไป ซึ่งบ่งชี้ว่าการปรับขึ้นราคาเมื่อเร็วๆ นี้อาจจะมากเกินไป ดัชนีวัดการแกว่งของราคา 14 วัน  พุ่งขึ้นแตะระดับ 78 ซึ่งสูงกว่าระดับ 70 ซึ่งอาจบ่งชี้ว่ามีการซื้อสินทรัพย์มากเกินไป นิคกี้ ชีลส์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์โลหะของ MKS Pamp SA กล่าวว่า "ในเชิงกลยุทธ์แล้ว ทองคำมีการซื้อมากเกินไป และขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยทองคำพุ่งขึ้นไปกว่า 500 ดอลลาร์ใน 8 วันทำการ ดังนั้น จึงมีแนวโน้มว่าผู้ซื้อจะหยุดชะงัก และลดความเสี่ยงลงบ้าง"

ก่อนหน้านี้ ทองคำพุ่งขึ้นถึง 2.2% ในวันอังคาร และทะลุ 3,500 ดอลลาร์ในช่วงสั้นๆ แต่หากปรับตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว ทองคำยังคงต่ำกว่าระดับสูงสุดที่ 850 ดอลลาร์ ซึ่งเคยแตะเมื่อเดือนมกราคม 1980 ซึ่งจะเทียบเท่ากับกว่า 3,540 ดอลลาร์ในปัจจุบัน

นักลงทุนซื้อทองคำแท่งเนื่องจากกังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจไล่ เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐออกจากตำแหน่ง ส่งผลให้หุ้น พันธบัตร และดอลลาร์ของสหรัฐร่วงลง

สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น เงินเยน ฟรังก์สวิส และทองคำ พุ่งสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่ทรัมป์เรียกร้องให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยทันที ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการคุกคามต่อความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ซึ่งทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2023

“แต่เศรษฐกิจอาจชะลอตัวลงได้ เว้นแต่ว่านายสายเกินไป ซึ่งเป็นผู้แพ้รายใหญ่ จะลดอัตราดอกเบี้ยทันที” ทรัมป์โพสต์ลงบนโซเชียลมีเดียเมื่อวันจันทร์ โดยเขาหมายถึงพาวเวล

  • ราคาทองขึ้นพุ่งขึ้นแล้ว 29% ปีนี้

ทองคำแท่งพุ่งขึ้นประมาณ 29% ในปีนี้ ซึ่งให้ผลตอบแทนดีกว่าสินทรัพย์หลักอื่นเกือบทุกประเภท เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าที่ขยายตัวขึ้น โดยทั่วไปแล้ว ในช่วงเวลาที่ต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง นักลงทุนจะหันไปซื้อตราสารหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ แต่เมื่อพิจารณาจากการเทขายพันธบัตรรัฐบาล และสถานะทางการคลังของสหรัฐ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทองคำจึงกลายเป็น "ที่หลบภัยปลอดภัยที่แท้จริงเพียงแห่งเดียวที่เหลืออยู่" ตามที่นักวิเคราะห์จาก Jefferies Financial Group Inc กล่าว

การพุ่งสูงของโลหะมีค่าเริ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2024 เนื่องจากธนาคารกลางต่างพยายามกระจายการถือครองเงินตราต่างประเทศของตนให้กว้างขึ้นนอกเหนือจากดอลลาร์สหรัฐ และปกป้องตัวเองจากภัยคุกคามของการคว่ำบาตร กลายมาเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ ล่าสุด กระแสเงินไหลเข้ากองทุนอีทีเอฟทองคำก็เพิ่มขึ้น

กิจกรรมการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของจีนพุ่งสูงขึ้น โดยปริมาณการซื้อขายในตลาดทองคำเซี่ยงไฮ้แตะระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2016 และปริมาณการซื้อขายในตลาดฟิวเจอร์สเซี่ยงไฮ้แตะระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2019  ราคาพรีเมียมของทองคำที่ซื้อขายในตลาด SGE พุ่งสูงขึ้นเหนือ 60 ดอลลาร์ในวันอังคาร หลังจากทะลุ 100 ดอลลาร์ในเซสชันก่อนหน้า

นอกจากนี้ บรรดาธนาคารยังมีทัศนคติเชิงบวกต่อทองคำมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของราคาในปีนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  Goldman Sachs คาดการณ์ว่าราคาโลหะอาจพุ่งไปถึง 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงกลางปีหน้า

การพุ่งขึ้นของราคาโลหะมีค่าแสดงให้เห็นว่า "มีความต้องการที่จะกระจายสินทรัพย์นอกดอลลาร์ไปสู่สินทรัพย์ปลอดภัยที่หลากหลายมากขึ้น" Kamakshya Trivedi หัวหน้าฝ่ายอัตราแลกเปลี่ยน และกลยุทธ์ตลาดเกิดใหม่ของ Goldman Sachs กล่าวกับทีวีบลูมเบิร์ก 

ราคาทองคำส่งมอบทันทีลดลง 1.2% เหลือ 3,382 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 16.17 น. ในนิวยอร์ก โดยปรับตัวลงจากระดับสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ ดัชนี Bloomberg Dollar เพิ่มขึ้น 0.4% โดยเงิน แพลทินัม และแพลเลเดียมต่างก็ลดลง

  • หวังสงครามการค้าคลี่คลาย

ด้านซีเอ็นบีซี รายงานว่า ทองลงเพราะตลาดหุ้นฟื้นตัวขึ้นจากความหวังว่าความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนจะคลี่คลายลง รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์  กล่าวกับนักลงทุนในการประชุมลับว่าเขาคาดว่าจะมีการผ่อนคลายความตึงเครียดกับจีน แหล่งข่าวคนหนึ่งในที่ประชุมกล่าวกับซีเอ็นบีซี

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์