‘ณรงค์ชัย’ มองไทยยากแก้เกมสหรัฐ ลามกระทบไทย ส่งออกไม่ได้!

‘ณรงค์ชัย‘ หวั่นไทยแก้เกมสหรัฐยาก เร่งนำเข้าไม่สามารถชดเชยการเกินดุลสหรัฐ ชี้ไทยไม่เร่งแก้ปัญหาอาจลามกระทบส่งออกไม่ได้ มองไทยยังมีปัญหาจากขาดสภาพคล่องในประเทศ
KEY
POINTS
- 'ณรงค์ชัย' ชี้ไทยยากเจรจา 'ทรัมป์' หลังเจรจาอาจไม่สามารถนำเข้าได้มาก จนลดการเกินดุลสหรัฐได้มาก
- หวั่นไทยถูกกำแพงภาษีเกิน30% กระทบไทยส่งออกยากขึ้น หรือลามส่งออกไม่ได้
- มองผลกระทบจากทรัมป์อาจไม่รุนแรงเท่าโควิด แต่ไทยส่งออกยากขึ้น เตรียมรับมือสินค้าเข้าไทยทะลัก
- ผลกระทบกำแพงภาษีอาจกระทบเศรษฐกิจไทยลงไปโตแค่ระดับกว่า 1%
- ชี้ปัญหาของไทย ไม่ได้มาจากทรัมป์เพียงด้านเดียว แต่ปัญหายังมาจากในประเทศที่ขาดสภาพคล่อง
2เม.ย.2568ที่ผ่านมา เหมือนฟ้าผ่าทั้งโลก หลัง “โดนัลล์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศขึ้น “กำแพงภาษี” นำเข้าจากทั่วโลก การขึ้นกำแพงภาษีของทรัมป์ครั้งนี้มีตั้งแต่ขึ้นกำแพงภาษีเพิ่มขึ้นที่ 10% มากที่สุดเกิน 50% ประเทศไทยเองก็ถูกขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าสูงถึง36%
ไม่เพียงเท่านั้นบางประเทศที่ออกมาตอบโต้สหรัฐ ขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐเช่นเดียวกันเช่น “จีน”วันนี้กลับถูกสหรัฐจัดหนักขึ้นกำแพงภาษีไปแล้วถึง 245% นั่นเป็นบทเรียนที่สั่นสะเทือนไปทั่วโลกที่เสมือนการ “เชือดไก่ให้ลิงดู” หากจะคิดตอบโต้สหรัฐ ที่อาจนำมาสู่ผลกระทบที่มากกว่าคาด!
บนสมรภูมินี้ “ประเทศไทย”คงต้องเลือกที่จะเดินเกมตามสหรัฐ ยอมเดินเข้าสู่การเจรจาเหมือนประเทศอื่นๆ โดยล่าสุดรัฐบาลไทยก็มีการเตรียมข้อเสนอไปให้สหรัฐฯพิจารณา 5 ข้อเสนอสำคัญด้วย
ล่าสุดสื่อในเครือเนชั่น มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีตรมว.พาณิชย์ และอดีตรมว.พลังงาน อดีตคณะกรรมการนโยบายการเงินหรือ(กนง.) ที่มาเล่าให้เห็นถึงผลกระทบจาก “ทรัมป์”ครั้งนี้
จุดเริ่มต้นสหรัฐขึ้นกำแพงภาษีไทย36%
ปัจจุบันไทยส่งออกไปสหรัฐอยู่ที่ราว 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยนำเข้าจากสหรัฐ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นไทย เกินดุลกับสหรัฐอยู่ที่กว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยเป้าหมายของสหรัฐคือการ “ลดการขาดดุล” ทั่วโลห เพราะขณะนี้สหรัฐติดลบสูงมาก ในแง่การค้า ปัจจุบันสหรัฐติดลบทางการค้าเกือบ1ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็น 3-4 %ของรายได้ประชาชาติ
ดังนั้นถือว่าติดลบค่อนข้างมาก ติดลบยาวนานและต่อเนื่อง ซี่งหากปล่อยไปต่อเนื่องสถานการณ์จะยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ จากการที่โลกสะสมดอลลาร์มากขึ้น ท้ายที่สุดอาจทำให้ภาระหนี้ที่เป็นต่างประเทศยิ่งเพิ่มขึ้น ฉะนั้นครั้งนี้ สหรัฐต้องการ “ติดลบ”น้อยลง
ไทยยากแก้เกมสหรัฐ สุดท้ายอาจส่งออกไม่ได้
ซึ่งในส่วนของประเทศไทยเมื่อหักนำเข้าแล้ว ยังมีการเกินดุลกับสหรัฐราว 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่บวกค่อนข้างมาก การจะไปลดการเกินดุลกับสหรัฐนั่นแปลว่าประเทศไทย ต้องนำเข้าเพิ่มอีก 2หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นไปไม่ได้!
การนำเข้าเพิ่มจะทำได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และสินค้าส่งออกของไทยไปสหรัฐส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องจักรกลเกินครึ่ง
เป็นไปได้ยาก ที่ไทยจะเพิ่มการนำเข้า เพื่อลดการขาดดุล แต่ท้ายที่สุดจากนโยบายภาษีของทรัมป์ ส่งออกจะลดลงด้วยตัวของมันเองเพราะ “ขายไม่ได้” สรุปคือ การส่งออกไปสหรัฐปีนี้ลดลงแน่นอน และอาจลดลงจนขายไม่ได้เลย หากไม่เร่งแก้ปัญหา เราก็อาจเดือดร้อนหนัก!
“การไปเสนอทำให้ลดการขาดดุลมากขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ และการจะไปซื้อสินค้าเพื่อนำเข้าจากเขา เช่นสินเค้าเกษตรต่างๆ ก็ไม่มีทางทำได้มาก การส่งออกไปสหรัฐก็คงยากขึ้น เพราะโดนภาษีสูง ถ้าเราเป็นผู้ส่งออกแล้วโดนภาษีกว่า30%แล้วขายแพงขึ้น และขอให้เขาซื้อจากเราเพิ่ม เขาคงไม่ยอม และเราจะลดต้นทุนลดลง30% เราก็ทำไม่ได้อีกเพราะมาจิ้นในการค้าขายผมว่าไม่เกิน10% สรุปเราก็ต้องขายออกน้อยลง”
ผลกระทบไม่รุนแรงเท่าโควิด
หากถามว่าผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ครั้งนี้ รุนแรงกว่าช่วงโควิดหรือไม่? มองว่าผลกระทบอาจไม่ได้มีมากเท่าเหมือนตอนโควิด-19 ครั้งนี้เราจะส่งออกยากขึ้นเฉพาะในตลาดสหรัฐ เพราะภาษีสูง แต่ยังสามารถขายไปสู่ประเทศอื่นๆได้ ซึ่งอาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ซึ่งปัญหาขณะนี้อยู่ที่รัฐบาล และนักธุรกิจว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดกับนักธุรกิจไทย และรัฐบาลก็มีหน้าที่ ที่ต้องช่วยให้ภาคธุรกิจทำงานได้สะดวกขึ้น
แต่สิ่งที่เราอาจต้องเผชิญคือ อาจเจอสินค้าประเทศอื่นๆเข้ามาขายแข่งกับในประเทศมากขึ้น เข้ามาแย่งตลาดไทย ส่วนนี้ไทยต้องป้องกันไม่ให้เกิดความไม่ยุติธรรม
เหตุการณ์กำลังซ้ำรอยปี1983-1985
ซึ่งเหตุการณ์ที่ทั่วโลกเผชิญในปัจจุบัน ถือว่ามีความคล้ายกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 1983-1985 ที่มีการจัดทำข้อตกลงพลาซา (Plaza Accord)ระหว่างสหรัฐ ฝรั่งเศส เยอรมันนี ตะวันตก ญี่ปุ่น และสหรัฐราชอาณาจักร จากการที่สหรัฐขาดดุลการค้ากับหลายประเทศ
โดยเฉพาะกับญี่ปุ่น เยอรมันนีเป็นหลัก จากดอลลาร์ที่แข็งค่าเกินไป ขณะที่ค่าเงินญี่ปุ่นเยอรมันนี่อ่อนค่าสหรัฐจึงบังคับให้ประเทศที่เกินดุลกับสหรัฐ “เพิ่มค่าเงิน” ขึ้นมาเมื่อเทียบกับดอลลาร์ แต่การบังคับให้ขึ้นค่าเงินสหรัฐบังคับเฉพาะบางประเทศเท่านั้น เฉพาะที่สหรัฐขาดดุล ซึ่งมีไม่มีประเทศ ดังนั้นสถานการณ์วันนี้คล้ายกันกับอดีต เพียงแต่ครั้งนี้สหรัฐไม่เลือกประเทศ แต่เลือกบังคับทั่วโลก
แต่ครั้งนี้สหรัฐขาดดุลการค้ากับทั่วโลก ขาดดุลจำนวนมาก โดยเฉพาะขาดดุลการค้ากับจีนมากที่สุด ดังนั้น เป้าหมายของสหรัฐฯที่ต้องการทำที่สุดคือ ผ่านการขึ้นกำแพงภาษีกว่า 100%
นโยบายทรัมป์อาจฉุดเศรษฐกิจไทยต่ำกว่า2%
หากถามว่าจากนโยบายทรัมป์ครั้งนี้ มีโอกาสหรือไม่ที่จะฉุดเศรษฐกิจไทยลงไปหลุดระดับ 2% และลงไปที่กว่า 1% เหมือนที่นักเศรษฐศาสตร์มีการคาดการณ์ และปรับลดการขยายตัวเศรษฐกิจปี 2568 ลดลง?
เขามองว่ามีโอกาสเป็นไปได้ แต่ปัญหาทั้งหมด ไม่ใช่เกิดจากทรัมป์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาของประเทศไทยด้วย
ปัญหาไม่เพียงมาจากการค้าเพียงอย่างเดียว แต่ปัญหามาจากสภาพคล่องในประเทศ ที่ขณะนี้สภาพคล่องมีปัญหา ผู้ผลิตไม่มีสภาพคล่อง ดังงนั้นส่วนนี้ภาคธนาคารและภาครัฐต้องเข้ามาช่วยให้สภาพคล่องผู้ประกอบการต่างๆมีมากขึ้น