ราคาทองคำพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทะลุ 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ราคาทองคำพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทะลุ 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพุธทะลุ 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนแรงขึ้น

รอยเตอร์ รายงานภาวะตลาดทองคำโลกวันพุธ (16 เม.ย.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาไทยว่า ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพุธ โดยทะลุ 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ผู้ลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยแทน

ราคาทองคำในตลาดสปอต (Spot Gold) พุ่งขึ้น 3.1% สู่ระดับ 3,327.97 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 13.45 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐ (17.45 น. GMT) หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,332.89 ดอลลาร์ในช่วงก่อนหน้านั้น

ราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐฯ (Gold Futures)  พุ่งขึ้น 3.3% สู่ระดับ 3,324.50 ดอลลาร์ 

ราคาทองคำเช้าพฤหัสบดีนี้

บลูมเบิร์ก รายงานว่าราคาทองคำพุ่งขึ้น 0.3% อยู่ที่ 3,351.79 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 6.57 น. ตามเวลาสิงคโปร์  ดอลลาร์ทรงตัว โดยดัชนี Bloomberg Dollar Spot แทบไม่เปลี่ยนแปลงหลังจากร่วงลง 0.7% ในวันพุธ ราคาโลหะเงิน แพลตตินัม และแพลเลเดียมปรับตัวเพิ่มขึ้น

ราคาอาจจะไปเหนือ 3,500 แต่เสี่ยงปรับฐาน

"ราคาทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการประกาศขึ้นภาษีศุลกากร และความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก" ลุคแมน โอตูนูกา นักวิเคราะห์วิจัยอาวุโสของ FXTM กล่าวกับรอยเตอร์

"ราคาทองคำที่สูงกว่า 3,300 ดอลลาร์นั้นขึ้นอยู่กับระดับทางจิตวิทยาเป็นหลัก โดยสายกระทิงอาจจับตาราคาขึ้นที่ 3,400 ดอลลาร์ 3,500 ดอลลาร์ และขึ้นไปสูงกว่านั้น อย่างไรก็ตาม การเทขายทำกำไรหรือ หากสถานการณ์ด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนพัฒนาไปในเชิงบวกอาจทำให้เกิดการเทขายได้"

จับตาทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าแร่สำคัญ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้สั่งการให้มีการสอบสวนเรื่องภาษีศุลกากรที่อาจต้องปรับขึ้นสำหรับการนำเข้าแร่ธาตุที่สำคัญทั้งหมดของสหรัฐฯ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้งในข้อพิพาทระหว่างทรัมป์กับพันธมิตรทางการค้าระดับโลก และเป็นความพยายามที่จะกดดันผู้นำอุตสาหกรรมอย่างจีน

ความตึงเครียดที่ปะทุขึ้นล่าสุดระหว่างสองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดการเงินโดยรวม ส่งผลให้ผู้ลงทุนหันไปซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่น ทองคำ

ในขณะเดียวกัน ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับคู่แข่งขันและอยู่ระดับใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ทองคำน่าดึงดูดใจสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น ๆ

ทองคำพุ่งขึ้นเกือบ 700 ดอลลาร์ในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากข้อพิพาทด้านภาษีศุลกากร ความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารสหรัฐ(เฟด)  และการซื้อที่แข็งแกร่งของธนาคารกลางในประเทศต่างๆ

"การพุ่งขึ้นนี้ค่อนข้างจะเกินไปมาก ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดการปรับฐาน อย่างไรก็ตาม เราเห็นการปรับฐานมาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้วในระดับตื้นๆ โดยมีคนรอช้อนซื้อทุกครั้งเมื่อราคาตกลง" โอเล แฮนเซน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ที่ธนาคาร Saxo Bank กล่าว

นักลงทุนรอฟังคำปราศรัยของประธานธนาคารกลางสหรัฐ นายเจอโรม พาวเวลในช่วงบ่ายวันนี้ เพื่อรับทราบเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย

ในตลาดอื่น ราคาโลหะเงินพุ่งขึ้น 1.7% สู่ระดับ 32.85 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แพลตตินัมพุ่งขึ้น 0.8% สู่ระดับ 966.79 ดอลลาร์ และแพลเลเดียมร่วงลง 0.2% สู่ระดับ 970.16 ดอลลาร์