ผ่าแผน 3กลุ่ม ‘เวอร์ชวลแบงก์’ ‘เอสซีบีเอกซ์-กรุงไทย-ซีพี’

“พิชัย” รับ ธปท.ส่งรายชื่อผู้คว้าไลเซนส์ “เวอร์ชวลแบงก์” ให้ “คลัง” พิจารณาแล้ว 3 ชื่อ “วงใน” เปิด 3 กลุ่มทุนใหญ่ “เอสซีบีเอกซ์-กรุงไทย-ซีพี” ลุ้นเปิดให้บริการสิ้นปีนี้
KEY
POINTS
- วงในเปิด 3ตัวเต็งคว้า 'เวอร์ชวลแบงก์' 'เอสซีบีเอกซ์-กรุงไทย-ซีพี' ได้ไลเซนส์ 3ใบแรก
- ‘พิชัย’รับ ‘แบงก์ชาติ’ ส่งรายชื่อถึงมือแล้ว ขอประเมินอนาคตให้ไลเซนส์เพิ่ม
- ลุ้นผู้ให้บริการ เปิดให้บริการ 'เวอร์ชวลแบงก์' ได้ก่อนสิ้นปีนี้
- เปิดคุณสมบัติ 3 กลุ่มทุน เก่งเทคโนโลยี-เครือข่ายครอบคลุม- ครองฐานลูกค้าทั่วไทย
- ธปท.หวังใช้เวอร์ชวลแบงก์ตอบโจทย์กลุ่มรายได้น้อย ผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินให้เข้าถึงการเงินได้มากขึ้น
ใกล้เปิดชื่ออย่างเป็นทางการ สำหรับผู้ที่ได้ “ใบอนุญาต” หรือ “ไลเซนส์” ในการให้บริการธนาคารไร้สาขา หรือ “เวอร์ชวลแบงก์” โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าสามารถประกาศรายชื่อผู้ได้ไลเซนส์ได้ในกลางปี 2568 หลังเปิดและปิดรับสมัครตั้ง 20 มี.ค. ถึง 19 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา โดยธปท. กำหนดไว้การให้ไลเซนส์ครั้งนี้จะมีเพียง 3 รายเท่านั้น
โดยตามกำหนดของธปท. คาดเมื่อประกาศรายชื่ออย่างเป็นทางการนับตั้งแต่กลางปี 2568 เป็นต้นไป จะสามารถส่งให้กระทรวงการคลังพิจารณาและอนุมัติเป็นขั้นตอนถัดไป หลังจากนั้นคาดว่าผู้ให้บริการที่ได้ไลเซนส์จะใช้เวลาในการเตรียมพร้อมธุรกิจ 1 ปี และคาดจะเห็นผู้ให้บริการรายแรกเปิดให้บริการได้ราวกลางปี 2569
- 1.กลุ่มของ เอสซีบี เอกซ์ (SCB) ที่มีพันธมิตรใหญ่ 2 ราย คือ “WeBank” ธนาคารดิจิทัลชั้นนำในจีน และ KakaoBank ธนาคารยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้
- 2.กลุ่มของธนาคารกรุงไทย ร่วมกับกลุ่มพันธมิตร ได้แก่ AIS และกลุ่ม พีทีที (PTT) ผ่านบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR
- 3.กลุ่มแอสเซนด์ มันนี่ ผู้ให้บริการอีวอลเล็ต ภายใต้ชื่อ “ทรูมันนี่” ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทในเครือของ “เครือเจริญโภคภัณฑ์” (ซีพี) จับมือ Ant International ซึ่งเป็นผู้นำในฟินเทค เป็นบริษัทลูกของอาลีบาบา (Albaba) จากจีน
ทั้ง 3 รายที่ได้ไลเซนส์ครั้งนี้ เป็นรายชื่อที่อยู่ใน 5 รายที่มีการยื่นขอไลเซนส์กับ ธปท.อย่างเป็นทางการในช่วงที่ผ่านมา โดยอีก 2 รายที่มีการยื่นขอไลเซนส์ คือ
- กลุ่มของ “ซี กรุ๊ป” ที่มาจากการผนึก 4 พันธมิตร ทั้งธนาคารกรุงเทพ (BBL) บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง หรือ BTS ที่ส่งบริษัทลูกอย่าง บริษัท วีจีไอ หรือ VGI เป็นผู้ลงสนามดังกล่าว , เครือสหพัฒน์ และไปรษณีย์ไทย
- รายสุดท้ายคือ กลุ่ม Lightnet ภายใต้ “ชัชวาลย์ เจียรวนนท์” จับมือ WeLab ผู้นำด้าน Virtual Bank ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งรายชื่อผู้ได้ใบอนุญาต Virtual Bank มาให้แล้วจำนวน 3 ราย ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนด ส่วนในอนาคตจะมีมากกว่านี้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาต่อไป
จุดเด่น “เอสซีบีเอกซ์” เชี่ยวชาญดิจิทัล
โดยหากพูดถึงทั้ง 3 ราย ถือว่ามีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการให้บริการด้านการเงินอยู่แล้ว โดยเฉพาะ “เอสซีบีเอกซ์” ที่รากฐานมาจากการเป็น 'ธนาคารไทยพาณิชย์' ก่อนที่จะมีการตั้งโฮลดิ้งคอมพานีและเป็น 'เอสซีบีเอกซ์' หรือ 'ยานแม่' ในปัจจุบัน
ดังนั้นจึงความเชี่ยวชาญเป็นทุนเดิม ในการให้บริการกับลูกค้าทุกกลุ่มทั้งรายใหญ่ ธุรกิจรายกลาง เอสเอ็มอี หรือธุรกิจรายย่อย ที่มีการให้บริการทั้งผ่านพนักงานและผ่านดิจิทัล
ไม่เพียงเท่านั้นครั้งนี้ เอสซีบีเอกซ์ ยังผนึกกำลังกับ KaKao Bank ธนาคารดิจิทัลใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ ที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นผู้ให้บริการในธุรกิจ Virtual Bank อยู่แล้ว อีกทั้งยังมีความเป็นเลิศในด้านเทคโนโลยีเพื่อเข้าถึงกลุ่มคนได้จำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมี WeBank ธนาคารดิจิทัลอันดับหนึ่งในจีน ที่มีประสบการณ์ในด้านการให้บริการทางการเงินและสามารถเข้าถึงกลุ่มแรงงาน และกลุ่ม Unserved และUnderserved ได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น กลุ่มนี้ถือว่ามีความแข็งแกร่งอย่างมาก ที่มีทั้งความน่าเชื่อถือที่มาจากรากฐานของการเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เบอร์ต้นๆของประเทศมากว่า 100 ปี บวกกับการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งและมีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยี และความเชี่ยวชาญในการให้บริการทางการเงินในกลุ่มฐานราก ดังนั้นการได้ไลเซนส์เวอร์ชวลแบงก์ครั้งนี้ก็ถือว่าไม่ยากเกินเอื้อมในการดำเนินธุรกิจเวอร์ชวลแบงก์ให้ราบรื่นในระยะข้างหน้า
เอสซีบีเอกซ์ตั้งเป้าเปิดให้บริการเวอร์ชวลแบงก์สิ้นปี68
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เมื่อได้ไลเซนส์ “เวอร์ชวลแบงก์” เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการเอวร์ชวลแบงก์ ได้ทันทีในสิ้นปี 2568 โดยเชื่อว่ากลุ่มมีความพร้อมทุกด้าน
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ “เอสซีบีเอกซ์” ได้มีการเฟ้นหาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) หัวเรือใหญ่ในการเข้ามาขับเคลื่อนธุรกิจเวอร์ชวลแบงก์ ของกลุ่มเอสซีบี เอกซ์ ในการทำธุรกิจเวอร์ชวลแบงก์เรียบร้อยแล้ว รวมถึงการเตรียมพร้อมด้านคน และเทคโนโลยีเพื่อเปิดให้บริการได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้
จุดเด่นกลุ่ม “ซีพี” เครือข่ายครอบคลุมทั่วไทย
อีกราย ที่คาดว่าจะได้รับไลเซนส์ “เวอร์ชวลแบงก์” คือ แอสเซนด์ มันนี่ ที่ถือเป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้กลุ่มซีพี ที่มีอนาจักรใหญ่โต มีธุรกิจครอบคลุมเกือบทุกธุรกิจในประเทศ
อีกทั้งยังมีเครือข่ายค้าจากร้านปลีกทั่วประเทศ 7-Eleven (เซเว่น อีเลฟเว่น) ที่มีสาขากว่า 1.5 หมื่นสาขา โลตัส ประมาณ 2,451 สาขา และแม็คโคร ทั้งยังมีฐานผู้ใช้บริการกลุ่มทรู ทั้งทรูมูฟ เอช 33.8 ล้านเลขหมาย และดีแทค 21.2 ล้านเลขหมาย พร้อมผู้ใช้งานบรอดแบนด์อินเตอร์เน็ตทรูออนไลน์ 5 ล้านราย และ ผู้ใช้งานโทรทัศน์ทรูวิชั่นส์ 3.2 ล้านราย
ดังนั้น ไม่ต้องมีการตั้งคำถามในการเข้าถึงผู้บริโภคสำหรับกลุ่มของ “แอสเซนด์มันนี่” เพราะหากนับจากผู้ให้บริการร้านค้าปลีก ผู้ให้บริการด้านสื่อสารโทรคมนาคมรวมกันแล้วก็เข้าถึงคนได้เกินครึ่งของประเทศไปแล้ว ไม่นับสาขาเซเว่น ที่มีมากกว่า 1.5 หมื่นสาขาที่แทนเข้าถึงทุกพื้นที่ในประเทศไทย ไม่เว้นแม้แต่ทุรกันดาร
ในแง่ธุรกิจ “กลุ่มแอสเซนด์มันนี่” ถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างมาก เพราะกลุ่มนี้สามารถใช้เครือข่ายทั้งหมดที่มีอยู่ ทั้งผ่านเซเว่น โลตัส แม็คโคร หรือผ่านทรูมูฟ ดีแทคในการเข้าถึงคนกลุ่มคนได้จำนวนมากได้ไม่ยาก หรืออาจจะดีกว่า “แบงก์” ทุกวันนี้ด้วยซ้ำไป
เพราะแอสเซนด์มันนี่ ไม่ได้มีต้นทุนสูง เหมือนผู้ให้บริการทางการเงิน หรือแบงก์อื่นๆ เพราะทุกอย่างเป็นการให้บริการผ่านดิจิทัลเป็นหลัก ทำให้วันนี้กลุ่มของ “ซีพี” หรือ “แอสเซนด์มันนี่” ก็แทบไม่เป็นรองใคร หรือเป็นรองแบงก์เลย
“กลุ่มกรุงไทย” ตัวเต็งครองฐานลูกค้าอันดับหนึ่ง
สุดท้ายคือ กลุ่ม “กรุงไทย-เอไอเอส-โออาร์” โดยธนาคารกรุงไทย (KTB) และ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส และ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือ OR
กลุ่มนี้ไม่เป็นรองใคร และถือว่าได้เปรียบอย่างมาก หากพูดถึงเฉพาะ “ฐานลูกค้า” ที่กลุ่มนี้ก็กวาดลูกค้าบนดิจิทัล ทั้งฐานลูกค้าธนาคาร ฐานลูกค้าจากธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม หรือธุรกิจน้ำมันค้าปลีก ดังนั้นเรียกว่ามีชัยไปกว้าครึ่ง ที่จะมีโอกาสเข้าถึงลูกค้าได้จำนวนมากในอนาคตยิ่งลูกค้าส่วนใหญ่กลุ่มนี้ อยู่บนดิจิทัลอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ยาก หากกลุ่มนี้ทำโปรดักต์ให้ตอบโจทย์กลุ่มนี้ในอนาคต
ลงทุนสูง-เสี่ยงขาดทุน-ไม่ถึงจุดคุ้มทุน
สุดท้ายก็มีการตั้งคำถามอย่างมาก สำหรับธุรกิจ “เวอร์ชวลแบงก์” ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เพราะในต่างประเทศ มีหลายประเทศที่พยายามตั้ง “เวอร์ชวลแบงก์”แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ หรือแม้ตั้งได้ แต่การเข้าถึงก็อาจไม่ได้มากเหมือนที่คิด ทำให้มีเวอร์ชวลแบงก์จำนวนมากที่ต้องล้มตายในสนามแข่งขันนี้
ดังนั้น ธุรกิจเวอร์ชวลแบงก์ของประเทศไทยก็ถือว่ามีความท้าทายไม่น้อย โดยที่มีการตั้งข้อสังเกตอันดับต้นๆคือ การลงทุนที่อยู่ระดับสูง โดยทุนจดทะเบียนสูงถึง 5,000 ล้านบาท ซึ่งสูงมากหากเทียบกับธุรกิจอื่นๆ ดังนั้น หากธุรกิจที่จะเข้ามาก็ต้องคิดหนักเพราะมีหากธุรกิจไม่รอด การสูญเสียเงินลงทุนก้อนนี้ก็ถือว่ามหาศาล
“การแข่งขัน” ไม่ง่าย เพราะท่ามกลางการแข่งขันบนธุรกิจแบงก์ในประเทศไทย ปัจจุบันที่มีกว่า 20 แห่งปัจจุบันค่อนข้างแข่งขันกันดุเดือดอยู่แล้ว ไม่เว้นแม้แต่ดิจิทัล ดังนั้นการได้มาซึ่งลูกค้า “หน้าใหม่” ก็ไม่ง่าย เพราะทุกแบงก์ก็มีกลยุทธ์ในการแข่งขันในดึงดูดและมีการพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าอยู่กับแบงก์ไปตลอดรอดฝั่ง
“ต้นทุนสูง” เป็นอีกข้อที่มีการกังวล เพราะการเข้ามาของผู้เล่นหน้าใหม่การเข้ามาก็ต้อง “ให้” มากกว่าแบงก์อื่นๆ ทั้งเรื่องของ “ผลตอบแทน” ผ่านเงินฝากบนดิจิทัล ที่เวอร์ชวลแบงก์หลายแห่งในต่างประเทศใช้เป็นกลยุทธ์มัดใจลูกค้าในการให้มาเป็นลูกค้าแบงก์ จึงต้องให้ “ดอกเบี้ยสูง” กับเงินฝากดิจิทัล
ดังนั้น การเข้ามาบุกเบิก ช่วงชิงลูกค้าบนสมรภูมิ “เวอร์ชวลแบงก์” แห่งนี้ก็นับว่าไม่ง่าย เพราะข้อกังวลคือ ด้วยต้นทุนที่สูงเกินไป อาจทำให้แบงก์ไม่สามารถหาจุดคุ้มทุนได้ในระยะเวลาอันใกล้ๆ ยกเว้นว่า แบงก์เข้าถึงคนได้จำนวนมากและหารายได้อื่น โดยเฉพาะจากการ “ปล่อยสินเชื่อ” ที่คาดว่ามีดอกเบี้ยที่สูงที่เข้ามาชดเชยต้นทุนจากดอกเบี้ยเงินฝากได้ถึงจะมองเห็นจุดคุ้มทุนได้
หุ้น SCB-KTB กอดคอร่วง
ความเคลื่อนไหวหุ้นกลุ่มแบงก์ ปิดตลาด ณ วันที่ 16 เม.ย.2568 หุ้น SCB และ KTB ร่วงแรง โดยหุ้น KTB ลบ 5.31% ราคาลดลง 1.20 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 21.40 บาท และ หุ้น SCB ลบ 6.58% ราคาลด 8.00 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 113.50 บาท
นายกรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า หุ้นกลุ่มแบงก์มีการขึ้นเครื่องหมาย XD ทำให้หุ้นปรับตัวร่วงลงมา ขณะเดียวที่หุ้น SCB และ KTB ปรับร่วงแรง เนื่องจากวันนี้มีข่าวเวอร์ชวลแบงก์ที่ได้รายชื่อ 3 ทุนใหญ่ที่ได้ใบอนุญาต หรือไลเซนส์กลุ่มแรก
อย่างไรก็ตาม ตลาดและเรายังไม่ได้รวมเรื่องของเวอร์ชวลแบงก์เข้าไปในประมาณการกำไร แต่เชื่อว่า เมื่อมีการเคาะออกมาเช่นนี้ อาจจะ Sell on fact ออกมา อีกรอบหนึ่งต่อจากการประกาศขึ้น XD
“ตอนแรกมีหลายกลุ่มมาก หรือประมาณ 5 กลุ่ม แต่ตอนนี้เหลือ 3 กลุ่ม และเมื่อมีชื่อของกรุงไทยกลุ่มแรก และ SCB กลุ่มสอง เลยทำให้มีแรง Sell on fact ออกมา หรือขายตามข่าว ขณะที่ KBANK บวกขึ้นมาสูง เราเห็นกลุ่มกัลฟ์มีการถือ หุ้น KBANK สูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นตลาดยังไม่แน่ใจว่า จะมีความหมายต่ออนาคตหรือไม่”
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1 ปี 2568 คาดว่าไม่ได้สวยเท่าไร เพราะหลายแบงก์น่าจะมีการตั้งสำรอง เรื่องของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มี.ค.2568 เราเห็นว่า น่าจะมีการตั้งสำรองพิเศษ โดยเฉพาะแบงก์ขนาดกลาง หรือแบงก์ที่มีลูกค้ารายย่อยค่อนข้างมาก หรือมีการปล่อยสินเชื่ออสังหาค่อนข้างมาก
รวมถึงความเสี่ยงที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ธปท.ที่คาดว่าจะปรับลดลงได้อีก 3-4 รอบ ฉะนั้น กลุ่มแบงก์ก็จะเริ่มเห็นโฟลว์ไหลออก ดังนั้น ในช่วงนี้หุ้นกลุ่มค้าปลีกน่าจะตอบโจทย์มากกว่า เมื่อเทียบกับกลุ่มแบงก์ในยามนี้







