ราคาทองคำพุ่งทะลุ 3,200 ดอลลาร์ ผวาสงครามการค้า ดอลลาร์อ่อนค่าลง

ราคาทองคำ พุ่งทะลุ 3,200 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดใหม่ในวันศุกร์ ดอลลาร์อ่อนค่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนทวีความรุนแรงขึ้น ผู้ค้าหวั่นเศรษฐกิจถดถอย แห่ซื้อทองคำ
รอยเตอร์ รายงานภาวะตลาด ทองคำโลก วันศุกร์ (11 เม.ย.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาไทย ว่า ราคาทองคำ พุ่งทะลุ 3,200 ดอลลาร์ในวันศุกร์ เนื่องจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น ก่อให้เกิดความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลให้บรรดานักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำเพื่อความปลอดภัย
ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold) พุ่งขึ้นเกือบ 2% อยู่ที่ 3,235.89 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 14.32 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกสหรัฐ (18.32 GMT)
หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,245.28 ดอลลาร์ในช่วงการซื้อขายก่อนหน้านี้ ราคาทองคำแท่งพุ่งขึ้นกว่า 6% ในสัปดาห์นี้
ราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐ (ราคาทอองคำ Gold Futures ) พุ่งขึ้น 2.1% ปิดที่ 3,244.6 ดอลลาร์
“ทองคำถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ได้รับความนิยมในโลกที่พลิกผันจากสงครามการค้าของทรัมป์ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐกำลังถูกเทขายอย่างหนัก เนื่องจากความเชื่อมั่นที่มีต่อสหรัฐในฐานะพันธมิตรทางการค้าที่น่าเชื่อถือลดน้อยลง” นายนิเตช ชาห์ นักยุทธศาสตร์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จาก WisdomTree กล่าว
จีนประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐเป็น 125% ในวันศุกร์ ทำให้ความเสี่ยงในการเผชิญหน้าระหว่างสองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกเพิ่มสูงขึ้น
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ทำให้ทองคำแท่งที่มีราคาเทียบกับดอลลาร์สหรัฐมีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อจากต่างประเทศ
การซื้อของธนาคารกลาง ความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์ และกระแสเงินที่ไหลเข้ากองทุนอีทีเอฟทองคำจำนวนมากยังช่วยหนุนให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นในปีนี้ด้วย
ดัชนีราคาผู้ผลิตรายเดือนของสหรัฐลดลงอย่างไม่คาดคิด 0.4% ในเดือนมีนาคม แต่ภาษีนำเข้าคาดว่าจะผลักดันให้เงินเฟ้อสูงขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะกลับมาปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนมิถุนายน และคาดว่าจะปรับลดประมาณ 90 เบซิสพอยท์ หรือ 0.9 % ภายในสิ้นปีนี้
“การปรับฐานลงเล็กน้อย (สำหรับทองคำ) คงไม่น่าแปลกใจ แต่เส้นทางข้างหน้านั้นดีขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ทำให้เฟดมีช่องทางในการปรับลดมากขึ้น และจะยังคงกดดันดอลลาร์ให้อ่อนค่าลง” ไท หว่อง ผู้ค้าโลหะอิสระกล่าว
ทองคำที่ไม่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงแบบดั้งเดิมต่อความไม่แน่นอนระดับโลกและเงินเฟ้อ ราคายังมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นในสภาพแวดล้อมที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ
นักวิเคราะห์ของธนาคาร UBS กล่าวในบันทึกว่าเหตุการณ์บางอย่างอาจขัดขวางการขึ้นของราคาทองคำได้ ซึ่งรวมถึง “ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่คลี่คลายลง การกลับมาของความสัมพันธ์ทางการค้าที่ร่วมมือกันมากขึ้น หรือเศรษฐกิจมหภาค และการคลังของสหรัฐฯดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”
ด้านราคาโลหะเงินตลาดสปอตเพิ่มขึ้น 2.7% อยู่ที่ 32.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่แพลตตินัมเพิ่มขึ้น 0.2% อยู่ที่ 939.80 ดอลลาร์ แพลเลเดียมเพิ่มขึ้น 0.6% อยู่ที่ 913.65 ดอลลาร์







