‘เทรดวอร์’ ผุดเศรษฐกิจโลกใหม่ ดึงไทยสู่เกม ‘เผชิญหน้า’

‘เทรดวอร์’ ผุดเศรษฐกิจโลกใหม่ ดึงไทยสู่เกม ‘เผชิญหน้า’

นักเศรษฐศาสตร์ห่วงนโยบาย “ภาษีทรัมป์” สร้างโลกเศรษฐกิจใหม่ หวั่นสงครามกีดกันเทคโนโลยี ดึงไทยอยู่ในเกมเผชิญ 2 มหาอำนาจ

KEY

POINTS

  • นักเศรษฐศาสตร์ ห่วง ‘เทรดวอร์’ ทำให้เกิดเศรษฐกิจโลกใหม่ New Global Trading System
  • จากความต้องการเป็นที่หนึ่งของสหรัฐต่อไป ดังนั้น นโยบายทำเพื่อต้องการจัดระเบียบโลกใหม่ 
  • หวั่นสงครามกีดกันการค้า จะไม่หยุดที่ภาษี แต่อาจลามไปสู่สงครามเทคโนโลยี
  • ดึงไทยอยู่ในเกมเผชิญ 2 มหาอำนาจ หวั่นบังคับไทยให้เลือกข้าง
  •  ห่วงสินค้าจีนทะลักไทย แนะไทยเร่งเจรจาเปิดเสรียุโรป ลดผลกระทบทรัมป์
  • ชี้หากจีดีพีไทยต่ำเหลือ 1.4% อาจเห็นลดดอกเบี้ย 3 ครั้งปีนี้ 
  • เสนอผนึกรัฐเอกชนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เตือนเศรษฐกิจไทยเสี่ยงเกิดภาวะถดถอยทางเทคนิค

“กรุงเทพธุรกิจ” ร่วมกับ ฐานเศรษฐกิจ และโพสต์ทูเดย์ จัด Roundtable “Trump's Global Quake: Thailand Survival Strategy”

โดยมีนักเศรษฐศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศมาร่วมประเมินผลกระทบจากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศขึ้นภาษีทั่วโลกรวมถึงไทยที่ถูกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเพิ่ม 36%

‘เทรดวอร์’ ผุดเศรษฐกิจโลกใหม่ ดึงไทยสู่เกม ‘เผชิญหน้า’

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุน (FETCO) กล่าวว่า จุดเริ่มต้นในนโยบายภาษี Reciprocal Tariffs เริ่มมาจากการที่ทรัมป์ ที่มีความตั้งใจที่จะสร้างโลกใหม่ ที่เรียกว่า New Global Trading System คือ ความต้องการเป็นที่หนึ่งของสหรัฐต่อไป ดังนั้น นโยบายทำเพื่อต้องการจัดระเบียบโลกใหม่ 

สำหรับการจัดระเบียบครั้งนี้ต้องการทำลายความตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากร และการค้า (GATT) และองค์การการค้าโลก (WTO) ผ่านการใช้ Reciprocal Tariffs เพื่อเปิดให้ประเทศต่างๆ เข้ามาเจรจา 

‘เทรดวอร์’ ผุดเศรษฐกิจโลกใหม่ ดึงไทยสู่เกม ‘เผชิญหน้า’

ดังนั้น โจทย์ครั้งนี้ ไม่ใช่มีแค่ Reciprocal Tariffs แต่มีนัยอีกมาก โดยจะเห็นการขัดแย้งการแบ่งขั้วระหว่างสหรัฐและจีนชัดเจนขึ้น จากการเผชิญหน้าระหว่าง 2 มหาอำนาจ ทั้งจีน และสหรัฐ ซึ่งมีผลกระทบทั้งโลก และซัพพลายเชน

นอกจากนี้ มองว่าอาจนำไปสู่โลกการค้ายุคใหม่ ที่ไม่ใช่โลกโลกาภิวัตน์หรือ Globalization ที่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่จะเป็น Globalization สำหรับทุกคนยกเว้น 2 ประเทศที่ไม่ปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน

รวมทั้งสุดท้ายคงไม่จบที่การค้า หลังจากนี้เกมไม่อยู่ที่ภาษี แต่เกมอยู่ที่การแข่งขันทางเทคโนโลยี และการกีดกันทางเทคโนโลยี และหลังจากนั้นเป็นเกมการเผชิญหน้าเชิงอำนาจ และเกณฑ์การหาพรรคพวก ซึ่งเกมเหล่านี้จะไม่ง่ายเพราะจีนคงไม่เลิกเพื่อแย่งเป็นที่หนึ่ง

ดร.กอบศักดิ์ กล่าวว่า ไทยต้องเตรียมรับผลกระทบระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทั้งจากรับกับผลกระทบจีนที่จะทะลักเข้าไทยที่ผลกระทบไม่เฉพาะผู้ส่งออก แต่ยังเป็นปัญหาของผู้ประกอบการไทยด้วย

นอกจากนี้ไทยต้องเตรียมแผนระยะกลาง และระยะยาว เพื่อรับมือกับทรัมป์ต่อเนื่องไปอีก 4 ปี ดังนั้นมองว่าสิ่งจำเป็นคือไทยต้องลดการพึ่งพาสหรัฐให้มากที่สุด

สุดท้าย มองระยะข้างหน้าโลกจะบังคับให้เราเลือกข้าง เราจะเผชิญ Geopolitics ครั้งใหญ่ ในโลกจะเกิด Multipolar โลกหลายขั้วทั้งการค้า และเทคโนโลยี ดังนั้น เราต้องเตรียมการเพราะเราคงมีทางเลือกไม่มาก เพื่อหาทางรอดและโอกาสท่ามกลางปัญหาที่เรากำลังเผชิญ

ห่วงผลกระทบที่ไม่ได้มาจาก “ภาษีทรัมป์”

‘เทรดวอร์’ ผุดเศรษฐกิจโลกใหม่ ดึงไทยสู่เกม ‘เผชิญหน้า’

ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า สิ่งที่น่าจับตามากกว่าเรื่องของ Reciprocal Tariffs ไม่ใช่เพียงการกีดกันทางการค้าจากภาษีเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องที่เกี่ยวกับ Non tariff barrier คือข้อจำกัดที่ไม่ใช่ภาษีที่จะตามมาอีกหลังจากนี้

หลังจากนี้ที่จะเห็นคือ โลกาภิวัตน์ที่จะถูกฉีกออกมา 2 ด้าน สหรัฐและจีน จากการที่สหรัฐต้องการลดการพึ่งพาจีน ดังนั้น วันนี้สหรัฐกับจีนเหมือนเป็นแฝดสยาม ที่เป็นตัวเชื่อมโลกเชื่อมโยงกันทั้งหมด

ดังนั้น หากต้องแยกกันต้องผ่าตัดครั้งใหญ่ คือสิ่งที่ต้องเผชิญในระยะข้างหน้า ต้องแยกกันเดิน และพยายามแข่งขันกัน ดังนั้นเป็นโจทย์ว่าประเทศไทย และอาเซียนเองจะเอาตัวรอดอย่างไร  

ทั้งนี้ จากผลกระทบภาษีทรัมป์ นอกจากที่ไทยต้องเดินหน้าเจรจาแล้ว มองว่าสิ่งที่ต้องทำคือ การไปดูตัวเลขมูลค่าเพิ่มที่ไทยผลิตได้ในประเทศเป็นอย่างไร ประเทศไทยจำเป็นต้องไปดูว่าเราจะอยู่อย่างไรในภาวะบริบทของสหรัฐกับจีนที่กำลังขัดแย้งกันอยู่

สุดท้ายแล้วหากถามว่าสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่นั้นมองว่า ไม่คิดว่าเศรษฐกิจถดถอย แต่เติบโตช้าลง เดิมที่คาดสหรัฐจะเติบโตได้ 2% จะเติบโตเหลือเพียง 1% หรือไม่ ดังนั้น เศรษฐกิจสหรัฐวันนี้ยังมองว่าชะลอตัว แต่ยังไม่ถึงกับการเติบโตติดลบ เช่นเดียวกับประเทศไทย มองแม้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสลดลงกว่าประมาณการที่มองไว้ 

เร่งเปิดเสรีการค้ากับยุโรปปลายปี

‘เทรดวอร์’ ผุดเศรษฐกิจโลกใหม่ ดึงไทยสู่เกม ‘เผชิญหน้า’

ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) กล่าวว่า แนวทางแก้ปัญหาผลกระทบกำแพงภาษีทรัมป์

เราควรเร่งเปิดเสรีกับยุโรปซึ่งมีสัญญาณดีมาก ด้วยภาพตอนนี้ยุโรปพร้อมที่จะคุยกับไทยมากขึ้น มีความเป็นไปได้สูง ที่จะมีโอกาสเปิดเขตการค้าเสรีไทยยุโรปได้ภายในปลายปีนี้

ถ้าเป็นเช่นนี้มูลค่าการค้าไทยกับยุโรปจะเพิ่มขึ้น 15-20% ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าและทำให้สัดส่วนการค้าไทยกับยุโรป เพิ่มเป็น 10-15% จาก 7% ในช่วงปีต่อๆ ไป 

“ภาพใหญ่ของการเจรจากับสหรัฐ ค่อนข้างยากช่วง 2-3 เดือนนี้ จะเป็นภาพที่คุกรุ่น และฝุ่นตลบทุกคนเข้าไปเจรจา แต่ประเทศเล็กๆอย่างไทย หรือในเอเชียก็คงต้องยอมทำเป็นหลัก เรามีแต้มต่อที่น้อยกว่ามาก แต่เราต้องเล่นเกม โดดเดี่ยวสหรัฐไป โดยต้องหาตลาดอื่น อย่างยุโรปต้องมาแทนสหรัฐ”

สำหรับเศรษฐกิจไทย ล่าสุดคาดการณ์จีดีพีไทยปีนี้จะลงจาก 2.5% เหลือ 1.4% ส่งออกจาก -1% เป็น -3% และคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะลดดอกเบี้ยได้ถึง 3 ครั้งปีนี้ แต่หากไทยถูกปรับลดภาษีเหลือ 10% มองผลกระทบต่อไทยอาจไม่มากนักจีดีพีไทยปีนี้อาจลดลงเหลือ 1.7%  

สงครามการค้าสะเทือน “ตลาดเงิน-ตลาดทุน”

‘เทรดวอร์’ ผุดเศรษฐกิจโลกใหม่ ดึงไทยสู่เกม ‘เผชิญหน้า’ ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้าส่วนงานกลยุทธ์การลงทุนต่างประเทศ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กำแพงภาษีทรัมป์ส่งผลกระทบบนแคปปิตอลมาร์เก็ต เชื่อว่าความสั่นคลอน ตอนนี้ระดับ Level 1 แต่ระดับ Level 2 ที่ต้องเจอหากสหรัฐหยิบภาพของตลาดทุนเข้ามาเจรจาเมื่อใด ซึ่งจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น และผลกระทบอาจรุนแรงมากกว่านี้ 

“หลังจากทรัมป์ออกนโยบายภาษีแบบกราดโดนทุกคนแล้ว จะมาเจรจารายประเทศไม่ได้ เพราะแม้ว่าเราไปเจรจาเป็นประเทศย่อยๆ ก็ไม่ได้ผลอะไร สุดท้ายเขาต้องเอาระดับตัวท็อปเข้ามาเจรจา แต่ตัวท็อปจะเข้ามาต้องเป็นการเจรจาแบบที่เดียวจบ”

ส่วนทางรอดนั้นมี 2 คำถามที่ไม่มีคำตอบให้คือ 1.ถ้าเราไม่ขายให้สหรัฐ จะทำอย่างไร ขายกันเองหรือขายให้ใครได้หรือไม่ 2.ถ้าสหรัฐต้องจ่ายแพงขึ้นและยังมีความจำเป็นอะไรต้องซื้อจากไทยหรือไม่ เพราะของเราดีจริง ต้องซื้อ ซื้อที่อื่นไม่ได้แล้ว เราขยับมูลค่าได้เอง

สำหรับ แนวโน้มตลาดหุ้นไทยหลังจากนี้ ยังมี “ดาวน์ไซด์” จากกำแพงภาษีของทรัมป์ไม่ใช่ข่าวดีกับเราจนกว่าจะมีข่าวดีเข้ามาตลาดจะเป็นจุดต่ำสุด ก็ต่อเมื่อมีข่าวเลวร้ายเกิดขึ้นแล้วดัชนีไม่ลงไปอีก หลังจากนั้นมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นมา แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นมองกรอบดัชนีแนวรับทางจิตวิทยาที่ระดับ 999 จุด เป็นจุดที่ควรจะรีบาวด์ขึ้น

คาดเศรษฐกิจไทยถดถอยเชิงเทคนิค

‘เทรดวอร์’ ผุดเศรษฐกิจโลกใหม่ ดึงไทยสู่เกม ‘เผชิญหน้า’

นายพงศ์นคร โภชากรณ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า นโยบายภาษีของสหรัฐเป็นแผ่นดินไหวรุนแรงของเศรษฐกิจโลก การส่งสัญญาณที่สู้กันระหว่างสหรัฐกับจีนมีความเข้มข้นเห็นได้จากการขึ้นภาษีล่าสุดสหรัฐขึ้นภาษีจีนไปแล้วรวมกว่า 104% และขึ้นภาษีประเทศอื่นมีผลวันที่ 9 เม.ย.2568

ทั้งนี้หลังจากสหรัฐขึ้นภาษีสูงมากทำให้เศรษฐกิจโลกจะชะลอ โดย สศค.คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงจากที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 3.2% ลดลงเหลือ 2.8% โดยประเทศที่พึ่งพาการส่งออกอย่างไทยจะได้รับผลกระทบมาก

ซึ่งทำให้จีดีพีไทยติดลบ 2 ไตรมาส ถือเป็นเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค (Technical Recession) โดย สศค.จะแถลงภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 1 ปี 2568 ในวันที่ 28 เม.ย.นี้

ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับผลกระทบมากเพราะราคาสินค้าที่ขายในสหรัฐได้ต้องขึ้นราคาให้สูงเดินกว่ากำแพงภาษีทำให้เงินเฟ้อสหรัฐสูงมากขณะที่เศรษฐกิจจะชะลอลงอย่างรวดเร็วภาวะแบบนี้ 

รวมทั้งเมื่อสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่เงินเฟ้อกลับพุ่ง เศรษฐกิจสหรัฐจะเจอ “Stagflation” ซึ่งภาวะแบบนี้ธนาคารกลางของสหรัฐ (เฟด) จะตัดสินใจยากมากในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจต้องตัดสินใจวันต่อวัน โดยการประชุมเฟดวันที่ 7 พ.ค.นี้ เฟดอาจจะลดอัตราดอกเบี้ยได้

ชี้ไทยพึ่งพาจีนมากต่อรองลำบาก

‘เทรดวอร์’ ผุดเศรษฐกิจโลกใหม่ ดึงไทยสู่เกม ‘เผชิญหน้า’

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การที่ทรัมป์ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าทั่วโลกภายใต้หลักเกณฑ์ 2 เรื่อง คือ หลักการ และหลักกู สำหรับประเทศไทยถือว่ารัฐบาลแอ็กชันช้า ซึ่งเราเจอภาษีถึง 36% ดังนั้นจึงมองว่าทางรอดของไทยคือ 2 ทาง คือ 

1.การตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีเหมือนจีน ที่สหรัฐขึ้นภาษีเพิ่ม จีนก็สวนด้วยการขึ้นภาษีเพิ่ม ซึ่งไทยจะกล้าสวนหรือไม่ โดยขณะนี้จีนโดนภาษี 104% ทำให้เห็นว่า 2 มหาอำนาจตอบโต้กัน ดังนั้นเศรษฐกิจโลกจะแย่

2.การเจรจา (หมอบคลาน) เหมือนกับเวียดนามที่ทำอยู่ ขณะนี้ที่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ยุโรป เริ่มเข้าสู่การเจรจาแล้วแต่ไทยยังไม่เข้าสู่การเจรจา

ทั้งนี้ เมื่อไทยยังไม่เข้าสู่การเจรจาไทยจะได้ผลกระทบจากการส่งสินค้าไทยไปสหรัฐจะลำบากไทยพึ่งพาตลาดจีนมาก ซึ่งภายใต้สถานการณ์แบบนี้สหรัฐไม่ชอบจีน ซึ่งไทยมีสถานการณ์การสวมสินค้าไทยไปสหรัฐขอสรุปว่าไทยมีจุดเสี่ยงมากภายใต้นโยบายทรัมป์

ส่วนผลกระทบของทรัมป์จะทำให้สหรัฐเข้าสู่ recession หรือไม่ มองว่า เร็วไปที่จะประเมินแต่ผลของการขึ้นภาษีจีน 10-54% จะทำให้สหรัฐมีรายได้ 2 ล้านล้านดอลลาร์ ภายใต้ฉากทัศน์นี้ขึ้นกับการเจรจาในส่วนของการส่งออกตัวเลขประเมินไว้จะทำให้การส่งออกไทยไปสหรัฐรวมถึงตลาดอื่นทั่วโลกลดลง 7 แสนล้านบาท ถึง 1 ล้านล้านบาท

TDRI ชี้จีนชิงเบอร์ 1 เศรษฐกิจสหรัฐ

‘เทรดวอร์’ ผุดเศรษฐกิจโลกใหม่ ดึงไทยสู่เกม ‘เผชิญหน้า’

นายนณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า ในการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐ 36% นั้น พบว่าเรื่องการขาดดุลการค้า ปัญหาหนี้สาธารณะ ถือเป็นปัญหาระดับที่ 2 และอาจจะรุนแรงมากขึ้น

จึงอย่ามองแค่แผ่นดินไหวไปสู่ระดับ 3 ได้โดยตัวจุดชนวนคือ ประเทศจีนที่เติบโตขึ้นมาเร็วมาก และเป็นผู้ท้าชิงอันดับ 1 ของสหรัฐ ถือว่าอันตรายมาก และจะมาแซงได้

ดังนั้นในฉากทัศน์ที่รุนแรงที่สุดคือ สงครามโลก ครั้งที่ 3 โดยจะเป็นสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้น หากสหรัฐอยากชนะจากการจัดระเบียบโลกให้ได้ จะต้องเอาจีนลงให้ได้

ทั้งนี้ประเทศเล็กอย่างไทยจะเป็นพื้นที่ของสงคราม และถ้าไม่เข้าข้างใครด้านใดด้านหนึ่งแล้วเราจะอยู่อย่างไร เพราะการเจรจาแบบ Win Win นั้นเป็นไปได้ยาก เพราะสหรัฐต้องการผลประโยชน์ในการเจรจามากกว่าจะยอมให้ได้ประโยชน์เท่ากัน โดยสถานการณ์ในประเทศสหรัฐอาจมีการปรับเปลี่ยนนโยบายได้

“อยากให้ปรับเปลี่ยนแนวคิดของภาครัฐ เราไม่เคยวางตัวผู้แทนของประเทศในเรื่องการเจรจาการค้า โดยหลักคิดหากเป็นปัญหาขนาดใหญ่ ที่กระทบไปในระยะยาว เกิดปัญหาที่ยาวนานกว่านั้น คือ ต้องทำหลังบ้านใหม่ให้เศรษฐกิจดีขึ้น ไม่ใช่เรื่องของการทำงานภาครัฐอย่างเดียว เราไม่สามารถทำแค่เรื่องการเจรจาแล้วเยียวยา จึงต้องหารือระหว่างรัฐบาล เอกชน และประชาชน”

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์