GULF กลับมาเทรดวันแรกคึก มั่นใจ3ธุรกิจหลักโตหุ้นติด‘SET50’

GULF กลับมาเทรดวันแรกคึก มั่นใจ3ธุรกิจหลักโตหุ้นติด‘SET50’

“กัลฟ์” กลับเข้ามาเทรด 3 เม.ย.นี้ หลังกระบวนการควบรวม “กัลฟ์-อินทัช” เรียบร้อย หุ้นถูกคำนวณ SET 50 “ยุพาพิน” มั่นใจกลับมาเทรดวันนี้นักลงทุนน่าจะตอบรับดี เครดิตปรับขึ้น

หลังบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ควบรวม และได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF มีผลเมื่อ 1 เม.ย. 2568 และกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันนี้ (3 เม.ย.2568) ในกลุ่มทรัพยากร หมวดธุรกิจ พลังงานและสาธารณูปโภค มีทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว 14,939,837,683 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้พาร์หุ้นละ 1 บาท รวมทุนชำระแล้ว 14,939,837,683 บาท โดยหุ้น GULF จะถูกคำนวณใน SET 50 และ SET 100 

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะไม่มีการกำหนดราคาซื้อขายสูงสุดและต่ำสุด (Celling & Floor) ของหุ้น GULF ในวันแรกที่มีการซื้อขาย ส่วนวันถัดไป Ceiling & Floor จะถูกปรับให้เป็นไปตามเกณฑ์ปกติ ขึ้นและลงไม่เกิน 30% ของราคาวันก่อนหน้า

GULF กลับมาเทรดวันแรกคึก มั่นใจ3ธุรกิจหลักโตหุ้นติด‘SET50’

โดย GULF ประกอบธุรกิจ โดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding company) มีบริษัทย่อยประกอบธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ คือ พลังงาน โครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูโภค และดิจิทัล

จากข้อมูลทางการเงินเสมือนในปี 2567 มีกำไรสุทธิ 21,382.90 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 1.43 บาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 3,390.20 ล้านบาท เติบโด 18.84% จากปี 2566 ที่ทำได้จำนวน 17,992.70 ล้านบาทกำไรต่อหุ้น 1.20 บาท มูลค่าหุ้นตามบัญชีอยู่ที่ 22:22 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจาก 21.92 บาทในปี 2566

ส่วนรายได้อยู่ที่ 124,621.60 ล้านบาท ในปี 2567 มาจาก 6 ธุรกิจหลัก ส่วนใหญ่ประมาณ 89% จากธุรกิจผลิตไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 111,009 ล้านบาท อันดับสองคือ รายได้อื่นๆ 3,733 ล้านบาท สัดส่วน 3.0% เช่น เงินปันผลรับดอกเบี้ยรับ และอันดับสาม มาจากโครงสร้างพื้นฐานและสาธาธารณูปโภค 3,616 ล้านบาท สัดส่วน 2.9%

“กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์” ยังได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรจาก “A+” เป็น “AA-” โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง (TRIS) พร้อมเพิ่มอันดับเครติดหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์ไม่มีหลักประกันของบริษัทฯ จาก “A” เป็น “AA-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่”

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า วันนี้นักลงทุนน่าจะตอบรับดี ทั้งความน่าเชื่อถือจากการปรับเพิ่มอันดับเครดิตเป็น “AA-” สะท้อนถึงความสำเร็จการควบรวมกิจการ ซึ่งไม่เพียงแต่จะขยายขนาดสินทรัพย์ และ EBITDA ให้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้ตัวชี้วัดเครติดและความสามารถการลงทุนปรับตัวดีขึ้น

หลังการควบรวมกิจการ อัดราส่วนหนี้สิ้นต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) บริษัทใหม่ลดลง เปิดโอกาสให้สามารถขยายการลงทุน เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตต่อเนื่อง และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นระยะยาวต่อไป ซึ่งหลังควบรวม GULF จะก้าวสู่การเป็นบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐานระดับภูมิภาค พร้อมศักยภาพในการขยายโอกาสการลงทุนสู่ภาคธุรกิจที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจพลังงานและธุรกิจดิจิทัล ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญ สำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

นายรัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า คงมุมมองบวกต่อ GULF หลังควบรวมยังมีแนวโน้มการเติบโตระยะยาว โดยโครงการในมือที่มีจำนวนมาก, ความสามารถ ในการลงทุนที่เพิ่มขึ้นหลังรวมกิจการ, และความโดดเด่นในการพัฒนาโครงการ เป็นปัจจัยสนับสนุนเส้นทางการโตที่ยั่งยืน รวมถึงแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่ง สถานะการเงินที่มั่นคง แนะนํา “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายที่ 64.50 บาท