ตลท. จ่อถกคลังฟื้น ‘ตลาดหุ้น‘ งัดแผนระยะสั้น เรียกความเชื่อมั่น

ตลท. ชี้เตรียมหารือ “คลัง” พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแผนระยะสั้น หวังพลิกฟื้น “ความเชื่อมั่น” ตลาดหุ้นไทย หลังดัชนีฯ ร่วงต่อเนื่อง พร้อมหารือออก “แอลทีเอฟ” และ “ไทยอีเอสจี” หนุนลงทุนหุ้นมากขึ้น
ภาพรวม “ตลาดหุ้นไทย” ตั้งแต่สิ้นเดือนม.ค. 2568 เป็นต้นมา หากเทียบกับสิ้นปี 2567 พบว่า ดัชนีปิดอยู่ที่ 1,314 จุด ปรับลดลง 6.1% โดยมีมูลค่าการซื้อขายต่อวันในตลาด SET และ mai อยู่ที่ 39,006 ล้านบาท ลดลง 17.2%
แต่หากดูการเคลื่อนไหวตลาดหุ้นตั้งแต่ต้นเดือนก.พ.ที่ผ่านมา พบว่าปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยปิดตลาดวัน 10 ก.พ.ที่ 1,270.49 จุด ลดลง 11.60% หรือ 0.90% มูลค่าการซื้อขายที่ 43,230.57 ล้านบาท
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ยอมรับตลาดหุ้นไทยปัจจุบันผันผวน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษา และอยู่ระหว่างหารือพูดคุยกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงเตรียมหารือกับกระทรวงการคลัง ว่าจะกระตุ้นตลาดหุ้นไทยให้กลับมาอย่างไร ทั้งแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ส่วนมาตรการระยะสั้นๆ ที่จะเข้ามาช่วยพลิกฟื้นความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทยจะออกมาเมื่อใดนั้น ยังไม่สามารถตอบได้ แต่จะรีบทำออกมาให้เร็วที่สุด ทั้งนี้มีการสอบถามว่าการที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สะท้อนว่าเรากำลังเข้าสู่วิกฤติหรือไม่นั้น
กรณีนี้ ผจก.ตลท. กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าเรียกวิกฤติได้หรือไม่ เพราะมีหลายปัจจัยที่คาดไม่ถึง ซึ่งการที่หุ้นลงไม่ดีอยู่แล้ว และคงไม่มีใครชอบ แต่ในส่วนตลาดเอง เราอยากให้มองปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก หากสร้างพื้นฐานให้แข็งแกร่ง ซึ่งเราก็มีโอกาสเติบโตได้ และจะเป็นประโยชน์ต่อตลาดทุนโดยรวม
“ตอนนี้แผนต่างๆ ยังไม่ชัดเจน และอยู่ระหว่างการพูดคุย การศึกษา และหารือกับคลัง ในที่สุดคงต้องมีการรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ต่างๆ ซึ่งเราพยายามรีบเต็มที่ในการออกแผนต่างๆ วันนี้ยังไม่มีเป็นชิ้นเป็นอันเพราะหลายเรื่องต้องมีการพูดคุยกัน มีหลายมุมมองที่ต้องหารือกัน”
เช่นเดียวกันการหารือเกี่ยวกับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF รวมถึง กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) ที่อยากให้เม็ดเงินเข้ามาในหุ้นมากขึ้น ซึ่งเหล่านี้เตรียมจะหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง พร้อมกับสภาธุรกิจตลาดทุนในระยะข้างหน้าต่อไป
อย่างไรก็ตาม ส่วนแผนระยะกลาง และระยะยาว ตลท.เชื่อว่าในวันที่ 14 ก.พ.นี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น เกี่ยวกับโครงการ Jump+ ที่จะหนุนตลาดหุ้นให้เติบโตขึ้นในระยะข้างหน้า
ทั้งนี้ อยากให้มองวันนี้ตลาดหุ้นไทยถือว่ายังน่าสนใจ โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียน (บจ.) หลายบริษัทยังมีผล งาน (Performance) ค่อนข้างดี ดังนั้น สิ่งที่ตลาดอยากทำในปีนี้คือ คือการสื่อสารให้มากขึ้น
และอยากทำให้เห็นว่ายังมี บจ. อีกมาก ที่เติบโตก้าวกระโดด ดังนั้นทำอย่างไรให้นักลงทุนเห็นศักยภาพในบริษัทเหล่านี้มากขึ้น ทั้งแผนการทำโรดโชว์ หรือใช้เทคโนโลยี เพื่อสื่อสารให้นักลงทุนเห็นภาพเหล่านี้มากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนเช่นเดียวกัน
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลท. ยอมรับว่า หุ้นไทยปัจจุบันยังผันผวนหลักๆ มาจากปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะจากนโยบายทรัมป์ ทั้งการขึ้นกำแพงภาษีต่างๆ ที่ทำให้ตลาดมีความผันผวนทั่วโลก แต่มองว่าตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจ แม้ดัชนีลดลงมาก เกือบที่สุดของภูมิภาค แต่ในแง่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลหรือ Dividend Yield ของหุ้นไทยยังน่าสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะหากเทียบกับภูมิภาค ที่พบว่าหุ้นไทยยังมีการจ่ายปันผลสูงเป็นอันดับต้นๆของภูมิภาค โดยอยู่ที่ใกล้ 3% หากเทียบกับเงินฝากที่ผลตอบแทนไม่ถึง 1%
สำหรับ แรงขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2568 มองว่ามีส่วนกดดันตลาดหุ้นไทยให้ปรับตัวลดลง แต่ก็ไม่มากนัก
“หลังน้ำไหลกระเพื่อม เราต้องโชว์ให้ต่างชาติเห็นว่าเรามีหุ้นน้ำดี ที่จะทำให้ Fundamental เราปรับตัวดีขึ้น เหล่านี้ที่เรากำลังทำ Jump+ ที่จะช่วยให้สตอรี่ระยะยาว ของไทยดีขึ้น หุ้นดีขึ้น และการปรับตัวลดลงเราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ”







