อบาคัส ชี้คนไทยกู้นอกระบบ 2 ล้านล้าน หวัง ‘เทคโนโลยี’ เอื้อเข้าถึงเงินในระบบ

‘สุทธาภา‘ อบาคัส มองเศรษฐกิจไทยเหลื่อมล้ำสูง เผชิญความท้าทาย 3 ด้าน ผลิตภาพต่ำ ทักษะแรงงานต่ำไม่ตอบโจทย์การจ้างงาน การเข้าถึงทางการเงินในระบบต่ำ หนุนคนวิ่งหาเงินนอกระบบสูงถึง 2 ล้านล้าน หวังเทคโนโลยีช่วยลดความเหลื่อมล้ำ แก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
และหากพูดถึงประเทศไทย ในปัจจุบันพบว่า เศรษฐกิจใหญ่อันดับสอง ของอาเซียน แต่พบว่ามีความเหลื่อมล้ำสูงมาก โดยคนรวยสุดของประเทศ 10% ของประเทศมีรายได้เกินครึ่งของจีดีพี เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำความไม่เท่าเทียมของโครงสร้างเศรษฐกิจไทยอย่างชัดเจน
ดังนั้นตัวเลขนี้ ทำให้ทั้งเอสเอ็มอี สตาร์ตอัป ยิ่งต้องลงทุน ในเรื่องแรงงานมากขึ้น มากกว่าเทคโนโลยี ต่างกับธุรกิจขนาดใหญ่ ที่มีต้นทุนเพียงพอ ในการลงทุนด้านเทคโนโลยีในการขยายศักยภาพการผลิต
สะท้อนว่า ความมั่งคั่งจึงยิ่งกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มนายทุน ทำให้ความเจริญไม่กระจายไปสู่ธุรกิจขนาดเล็ก
ปัญหาเชิงโครงสร้างด้านที่สองคือ ศักยภาพทักษะของแรงงาน ที่ไม่สามารถตอบโจทย์การจ้างงานได้อีกต่อไป
สุดท้ายคือ การเข้าถึงโอกาสทางการเงิน โดยพบว่า ประเทศไทย มีเศรษฐกิจนอกระบบสูงถึง 45% ทำให้ธนาคารพาณิชย์เองไม่สามารถมองเห็นรายได้ ของประชาชนได้เกือบครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจ ดังนั้นการเข้าถึงโอกาสในด้านการเงิน จึงแทบไม่มี ต้องไปพึ่งหนี้นอกระบบ ซึ่งพบว่าปัจจุบัน คนที่หันไปพึ่งหนี้นอกระบบมีสูงถึง 42% หรือ 8 หมื่นล้านบาท ถึง 2 ล้านล้านบาท
ดังนั้นโอกาสเข้าการเงินหนี้ในระบบจึงเป็นตัวที่จะช่วยปลดล็อกทางด้านสังคมที่จะตามมา ดังนั้นวันนี้เรามีความหวัง ว่าเทคโนโลยี จะเข้ามาตอบโจทย์ และแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างจริงจัง
ทั้งนี้มองว่า การเติบโตเศรษฐกิจ เทคโนโลยี จะมีบทบาทสำคัญ ในการเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างต่างๆ ได้ ทุกคนสามารถได้ประโยชน์จากเทคโนโลยี
แต่อีกด้าน เทคโนโลยีก็เป็นตัวที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้นไปอีก จากการที่ไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึงเทคโนโลยี ที่อาจทำให้คนถูกผลักออกไป ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในอีกมิติ
ดังนั้นภาครัฐเองต้องทำหน้าที่ ทำให้เกิดความชัดเจน ด้านนโยบายต่างๆ ทำให้เกิดดิจิทัลอินฟราทรัคเจอร์ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกคน บนต้นทุนที่ถูก และแข่งขันได้เป็นธรรมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์