ภาษีที่ต้องเสียเมื่อรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์

ภาษีที่ต้องเสียเมื่อรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์

ทำความรู้จักกับอาชีพรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ และผู้ที่อยู่วงการนี้อยู่แล้ว ไปดูกันว่ามีหน้าที่ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง

เมื่อเครื่องมือเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์เข้ามามีบทบาทในชีวิตของมนุษย์ จึงทำให้ทุกเพศทุกวัยใช้ชีวิตกันง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสาร เช่น โทรศัพท์ สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต ช่วยผ่อนแรงในการทำงานบ้าน เช่น เครื่องซักผ้า หรือเป็นเครื่องมือช่วยในการประกอบอาชีพ เช่น กล่องถ่ายภาพ เป็นต้น​

โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดนี้ เมื่อเกิดปัญหา เสีย หรือพังเร็วกว่ากำหนด ก็จะมีร้านรับซ่อมเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์รองรับอยู่ด้วย ซึ่งร้านรับซ่อมเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษี เมื่อได้รับเงินค่าบริการซ่อมเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด

ดังนั้น ไปทำความรู้จักกับอาชีพรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ และผู้ที่อยู่วงการนี้อยู่แล้ว ไปดูกันว่ามีหน้าที่ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง...

อะไรเข้าข่ายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์บ้าง

เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ คืออุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่ทำงานโดยอาศัยวงจรอิเล็กทรอนิกส์และใช้พลังงานไฟฟ้าในการประมวลผล หรือควบคุมกระแสไฟฟ้าเพื่อทำหน้าที่เฉพาะ เช่น การคำนวณ การสื่อสาร การแสดงผล หรือการควบคุมระบบบต่างๆ

โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้มักประกอบด้วยวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อย่างเช่น ไดโอด ทรานซิสเตอร์ หรือไมโครชิป ซึ่งสามารถสามารถแบ่งประเภทเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ออกเป็นหลายประเภทตามการใช้งานและฟังก์ชันการทำงานได้ดังนี้

- เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อความบันเทิง เช่น โทรทัศน์ เครื่องเสียง กล้องถ่ายภาพและวิดีโอ โพรเจกเตอร์

- คอมพิวเตอร์และการประมวลผล เช่น คอมพิวเตอร์ เมนบอร์ด ซีพียู คีย์บอด เมาส์

- เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการใช้งานในบ้าน เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น

- เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการสื่อสาร เช่น โทรศัพท์มือถือ สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต วิทยุสื่อสาร เราเตอร์ โมเด็ม

- เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์สวมใส่อัจฉริยะ เช่น สมาร์ตวอตช์  

- เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด เครื่องวัดความดันโลหิต

ภาษีที่เกี่ยวข้องกับอาชีพรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์

1.ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90/94)

กรณีที่มีการให้บริการรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอกนิกส์ ซึ่งทำในนามบุคคลธรรมดาไม่ได้จัดตั้งเป็นบริษัท เจ้าของผู้มีรายได้จากการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ มีหน้าที่ต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามาตรา 40(8) โดยสามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 60% หรือหักตามจริงได้ และยื่นแบบ 2 รอบ คือ

- ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม (ยื่นภาษีออนไลน์ได้ถึง 8 เมษายน) ของปีภาษีถัดไป โดยคำนวณจากรายได้ทั้งปี

- ยื่น ภ.ง.ด.94 ช่วงเดือนกรกฎาคม - กันยายน ของปีภาษีนั้น โดยนำเฉพาะรายได้ตั้งแต่เดือนมกราคม – มิถุนายนของปีภาษีนั้น

2.ภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด.50/51)

กรณีที่มีการจัดตั้งเป็นบริษัทและจดบริษัทเป็นนิติบุคคล จะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี (ภ.ง.ด.50) และแบบครึ่งปี (ภ.ง.ด.51) โดยสามารถหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอกนิกส์ เช่น ค่าวัสดุ อะไหล่ อุปกรณ์ ค่าแรง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ

3.ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

กรณีที่รายได้จากการประกอบธุรกิจเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี เจ้าของธุรกิจจำเป็นต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และจัดทำใบกำกับภาษีให้ลูกค้าเมื่อมีการซื้อขายและบริการ พร้อมกับส่ง vat 7% ของรายรับ และแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) ทุกเดือน แม้ว่าเดือนนั้นๆ จะไม่มีรายรับก็ตาม

4.ภาษีหัก ณ ที่จ่าย

ภาษีหัก ณ ที่จ่าย สำหรับธุรกิจรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอกนิกส์ จะแบ่งเป็น 2 กรณี คือ

4.1 กรณีที่กิจการรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอกนิกส์เป็นนิติบุคคล เมื่อจ่ายเงินให้ผู้ให้บริการอื่น จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามอัตราที่กฎหมายกำหนด ตั้งแต่ 1%-3% ขึ้นอยู่กับประเภทรายจ่ายนั้นๆ เช่น ค่าบริการ 3% ค่าเช่า 5% และนำส่งให้กรมสรรพากร

4.2 กรณีที่กิจการรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอกนิกส์ได้รับเงินค่าบริการจากนิติบุคคล กิจการรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 3%

หลักการวางแผนภาษีเมื่อรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์  

1.เก็บเอกสารประกอบการคำนวณภาษี ต้องเก็บหลักฐานค่าใช้จ่ายต่างๆ ไว้ให้ครบ เช่น ใบเสร็จค่าซื้ออะไหล่ ค่าวัสดุ ค่าเช่าสถานที่ และค่าแรง เพื่อใช้ในการลดหย่อนภาษี และสามารถนำมาพิสูจน์ความถูกต้องได้หากมีการตรวจสอบเกิดขึ้น

2.จัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้เป็นระบบ การบันทึกข้อมูลรายได้และค่าใช้จ่ายอย่างละเอียด จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถคำนวณภาษีได้อย่างถูกต้อง และป้องกันปัญหาด้านเอกสารในอนาคตได้อีกด้วย

3.ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีหากเข้าข่ายเป็นธุรกิจ SME ธุรกิจขนาดเล็กสามารถใช้สิทธิพิเศษทางภาษีได้ เช่น ได้รับยกเว้นและลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล และมาตรการสนับสนุนธุรกิจอื่นๆ จากทางภาครัฐ 

4.วางแผนภาษีล่วงหน้า หากยังไม่ชำนาญควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือนักบัญชี เพื่อวางแผนการเงินและภาษีล่วงหน้า จะช่วยลดความเสี่ยงจากการเสียค่าปรับ และช่วยให้ธุรกิจใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5.ตรวจสอบกำหนดเวลาในการยื่นภาษี เช่น ภ.ง.ด.90 ยื่นภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป , ภ.ง.ด.94 ยื่นช่วงเดือนกรกฎาคม - กันยายน ของปีภาษีนั้น , ภ.ง.ด.50 ยื่นภายใน 150 วันนับจากวันสิ้นปีบัญชี , ภ.ง.ด.51 ยื่นภายใน 2 เดือนนับจากวันสิ้นครึ่งปีแรกของปีบัญชี , ภ.พ.30 ยื่นภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป

สรุป...รายได้จากรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอกนิกส์ อย่าลืม! เสียภาษีให้ถูกต้อง

เมื่อมาถึงตรงนี้หากใครมีรายได้จากการรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอกนิกส์ ทั้งในรูปแบบบุคคลธรรมดา และจดบริษัทเป็นนิติบุคคล อย่าลืมให้ความสำคัญในเรื่องของภาษีด้วย เนื่องจากเป็นธุรกิจที่เข้าข่ายต้องเสียภาษี แต่จะต้องเสียภาษีอะไรบ้าง ต้องศึกษาให้ดีและวางแผนภาษีไว้ล่วงหน้าก่อนยื่นภาษี เพื่อให้เสียภาษีได้อย่างถูกต้องและยังช่วยประหยัดภาษีได้ด้วย

 

อ่านบทความน่ารู้เกี่ยวกับภาษีเพิ่มเติม คลิกที่นี่
Source : Inflow Accounting