นโยบาย ‘ทรัมป์’ ป่วน ‘ราคาทอง’ ‘กูรู’ ย้ำเป็นขาขึ้น ลุ้น ‘ออลไทม์ไฮ’ ต่อ

นโยบาย ‘ทรัมป์’ ป่วน ‘ราคาทอง’ ‘กูรู’ ย้ำเป็นขาขึ้น "กูรู" เผย ลุ้น ‘ออลไทม์ไฮ’ ต่อ คาดไตรมาส 2/68 พุ่งแตะ ระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
“ทองคำ” ถือเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัยสูง” (Safe Haven) และเป็นที่นิยมของนักลงทุน สะท้อนผ่านปัจจุบันราคาทองคำยังอยู่ในทิศทาง “ขาขึ้น” แต่ทว่าราคาทองอาจจะมีความผันผวน จากนโยบายประธานาธิบดี “โดนัล ทรัมป์” ไม่ว่าภาษีนำเข้าจากต่างประเทศ
“กรุงเทพธุรกิจ” สอบถามเหล่า “กูรูทองคำ” ถึงมุมมองราคาทองคำปี 2568 มีโอกาส “รุ่ง” หรือ “ร่วง” ท่ามกลางปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจทั่วโลก !! ดังนั้น อาจจะมีโอกาสที่จะเห็นราคาทองคำช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 ขึ้นไปแตะ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ “จุดสูงสุดใหม่” (All Time High) จากจุดเดิมที่ 2,799 ดอลลาร์ต่อออนซ์
“จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี” นายกสมาคมค้าทองคำ ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ตลาดทองคำโลกยังคงมีความผันผวน แต่ทว่าในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 ราคาทองคำอาจจะสามารถทำ All Time High ได้ มาจากนโยบายทรัมป์ , สงครามการค้า อาจจะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะ “ถดถอย” (Recession) ขณะที่ “อัตราเงินเฟ้อ” อาจจะเพิ่มขึ้น ฉะนั้น ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย จึงมีโอกาสขยับขึ้นมาแตะที่ระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทั้งนี้ แม้ราคาทองคำโลกอาจจะมีโอกาสขยับขึ้นมาทะลุ All Time High เดิมได้ แต่ในส่วนของ “ทองคำไทย” ก็อาจจะขยับขึ้นมาได้เช่นกัน แต่ต้องติดตามเพราะหากทองโลกราคาขยับ สิ่งที่ตามมาถือ “เงินบาทแข็งค่า” ดังนั้น ราคาทองคำไทยอาจจะถูกกดดันด้วยบาทแข็งค่าส่งผลให้ราคาทองขยับได้ไม่เต็มที่ ซึ่งปัจจุบันเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาพอสมควร
“นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ” ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก (MTS Gold) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ภาพรวมการลงทุนทองคำยังคงมีความผันผวนอาจจะยังคงปรับขึ้นไม่ได้มาก เนื่องจากสภาวะ “ธนาคารกลางสหรัฐ” หรือ เฟด ยังไม่ลดอัตราดอกเบี้ย แต่ทว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้มากว่า ตั้งแต่ 10-20% ขณะที่ ครึ่งแรกของปี 2568 คาดจะปรับขึ้นมาได้แค่ประมาณ 4-5% ซึ่งราคาจะเหวี่ยงขึ้น เหวี่ยงลง ตามนโยบายของทรัมป์ ซึ่งที่ผ่านมาราคาก็ปรับเหวี่ยงขึ้น ลงมาโดยตลอด
“คาดว่าดอกเบี้ยน่าจะไปปรับขึ้นในเดือนมิ.ย. 2568 ขณะที่ไตรมาส 2 ปี 2568 คาดว่าราคาจะค่อย ๆ ปรับขึ้นจากสภาวะของทรัมป์ เพราะเป็นช่วงที่จะได้เห็นทรัมป์สามารถทำอะไรได้จริง หรือไม่จริงในสิ่งที่กล่าวไว้ในตอนหาเสียง ซึ่งตรงนี้จะนำมาสู่การปรับตัวของราคาทองคำกับค่าเงินดอลลาร์ค่อนข้างมาก”
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ทองคำจะสามารถทำ All Time High ได้ต่อ น่าจะเห็นช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 แต่อาจจะไม่พุ่งแรง ซึ่งจะเห็นได้หากจาก High เดิมเพียง 25 ดอลลาร์ และทุกวันทองคำปรับขึ้นลงประมาณ 20 ดอลลาร์ ดังนั้น โอกาสที่จะเหวี่ยงขึ้น-ลง ยังคงมีอยู่สูงมาก
ส่วน “ทองคำไทย” ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับ “ค่าเงินบาท” จากสถิติทั้งทองคำไทย และทองคำโลกจะขึ้นตามกัน และให้ “ผลตอบแทน” ที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งทองคำไทยจะขึ้นช้ากว่าทองคำโลก จากเงินบาทจะแข็งค่าในช่วงต้น และสักพักก็จะเริ่มค่าเงินก็จะอ่อนลงมา เช่น ปีที่ผ่านมาในช่วงต้นราคาทองคำโลกพุ่งนำไปก่อน 25% ขณะที่ทองคำไทยอยู่ที่ 18% หลังจากนั้นทองคำไทยก็จะขยับขึ้นไปได้ในช่วงที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นทองคำไทย ที่มีหน่วยเป็นเงินบาท และทองคำโลกที่มีหน่วยเป็นดอลลาร์ สามารถให้ “ผลตอบแทน” ที่ใกล้เคียงกัน นักลงทุนยังลงทุนได้
“ธนรัชต์ พสวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง ให้ข้อมูลเสริมอีกว่า การเข้ามารับตำแหน่งของทรัมป์ จะส่งผลให้ราคาทองคำโลกในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 มี “ความผันผวน” และ “ความไม่แน่นอน” ขณะที่นโยบายต่าง ๆ ของทรัมป์เพิ่งได้มีการทยอยออกมา ยังคงต้องรอติดตามในแต่ละช่วง
ทั้งนี้ ในส่วนที่ได้มีการประกาศออกมาแล้วทำให้เห็นว่า การลดภาษีนิติบุคคลกับบุคคล จะส่งผลให้รายได้ของสหรัฐหายไป และจะตามมาด้วยเรื่องของการเก็บภาษีประเทศต่าง ๆ ที่ถือว่าสำคัญและตลาดกำลังจับตาดูอยู่ ส่วนแนวโน้มกรณีที่ต้นทุนการกู้ยืม หรือดอลลาร์จะอ่อนค่าลงในระยะถัดไป หลังจากที่ทรัมป์ เข้ามาก็จะส่งผลบวกกับราคาทองคำในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกที่ทรัมป์เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจอาจทำให้ดอลลาร์แข็งค่าได้ ทำให้ราคาทองคำถูกกดดันอยู่ในกรอบแคบ ๆ และในช่วงต้นปีอาจจะมีแรงซื้อจากช่วงตรุษจีนมา และหลังตรุษจีนราคาทองปรับตัวย่อลง อาจจะต้องหาจังหวะใหม่ในการเข้าลงทุนในระยะยาว แต่ในปีนี้คาดว่าทองคำยังเป็นบวก ตั้งกรอบไว้ที่ 2,500 -3,000 ดอลลาร์ ซึ่งยังคงต้องดูที่ค่าเงินในแต่ละช่วงว่าจะเป็นอย่างไร
ขณะที่ ในส่วนของ “ทองคำไทย” ยังคงได้รับอานิสงส์จากเงินบาทที่มีโอกาสอ่อนตัวลง จากเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว หากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในประเทศก็จะทำให้เงินบาทอ่อนค่า ก็จะส่งผลให้ราคาทองในประเทศสูงขึ้น