เปิด 8 กลยุทธ์ ต่อยอดความมั่งคั่งในปี 2025
ในปี 2025 ที่จะมาถึงนี้ คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งปีที่ดีสำหรับการลงทุน แต่การลงทุนในแต่ละประเภทอาจให้ผลตอบแทนแตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้การดำเนินนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ
เรากำลังจะผ่านพ้นไปอีกหนึ่งปีกันแล้ว โดยปี 2024 ที่ผ่านมานี้ถือเป็นปีที่นักลงทุนส่วนใหญ่น่าจะยิ้มกันได้ เนื่องจากสินทรัพย์ลงทุนส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นถึง 21% นำโดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดทั้งปี
ในปี 2025 ที่จะมาถึงนี้ คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งปีที่ดีสำหรับการลงทุน แต่การลงทุนในแต่ละประเภทอาจให้ผลตอบแทนแตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้การดำเนินนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ดังนั้นการบริหารเงินเชิงรุกจะมีบทบาทมากขึ้น และวันนี้เรามี 8 กลยุทธ์การลงทุนเพื่อต่อยอดความมั่งคั่งมาฝากกัน ดังนี้
1. ลดสัดส่วนเงินสดและเพิ่มสินทรัพย์เสี่ยง คาดว่าความเสี่ยงจะลดลง เศรษฐกิจโลกโดยรวมยังคงเติบโตต่อได้ และมีโอกาสน้อยที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ในขณะเดียวกัน ดอกเบี้ยที่เคยทรงตัวในระดับสูงมีแนวโน้มจะค่อยๆ ลดลง สอดคล้องกับทิศทางของเงินเฟ้อ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเอื้อประโยชน์ต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น
2. ในฝั่งตราสารหนี้ เน้นลงทุนในหุ้นกู้บริษัทเอกเชนคุณภาพดีมากกว่าพันธบัตรรัฐบาล เนื่องจากผลตอบแทนจากดอกเบี้ยยังสูง ฐานะทางการเงินของบริษัทเอกชนที่แข็งแกร่ง และอัตราการผิดนัดชำระหนี้ต่ำ สำหรับหุ้นกู้กลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูง (High yield) ให้เน้นลงทุนในตราสารที่มีอายุคงเหลือสั้น เพราะมีผลตอบแทนน่าสนใจและจะได้รับผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของบอนด์ยีลด์น้อย
3. ลดน้ำหนักการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เนื่องจากการลดอัตราดอกเบี้ยของ FED อาจจะน้อยลงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้และบอนด์ยีลด์ระยะยาวมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงจากนโยบายขาดดุลทางการคลังของคุณทรัมป์ ประกอบกับการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า จะทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้น
4. สำหรับหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว เน้นลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ที่จะได้ประโยชน์จากนโยบาย “America First” ของคุณทรัมป์ โดยเฉพาะการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่จะลดค่าใช้จ่ายของบริษัทจดทะเบียน หนุนกำไรสุทธิให้เพิ่มขึ้น โดยแนะนำให้กระจายลงทุนทั้งหุ้นสหรัฐฯ ขนาดเล็กที่จะได้ประโยชน์จากการลดภาษีและค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ถูกลง ขณที่ราคายังปรับเพิ่มขึ้นมาไม่มากเท่าหุ้นขนาดใหญ่ รวมถึงทยอยเข้าลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ขนาดใหญ่เมื่อราคาย่อตัว โดยเน้นไปที่กลุ่มเทคโนโลยีที่รายได้และกำไรยังคงเติบโตแข็งแกร่ง
5. ในแง่ของหุ้นรายอุตสาหกรรม เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงิน ที่มีโอกาสสร้างการเติบโตของผลการดำเนินงานที่ดี หนุนจากทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยที่จะไม่ปรับลงไปมากและบอนด์ยีลด์ที่มีโอกาสทรงตัวในระดับสูงจากผลของการดำเนินนโยบายขาดดุลการคลัง รวมทั้งนโยบายผ่อนคลายข้อบังคับการดำเนินธุรกิจจากรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ที่จะทำให้ธุรกิจสถาบันการเงินคล่องตัวขึ้นด้วย
6. สำหรับตลาดเกิดใหม่ แนะนำกระจายลงทุนหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย แม้ว่าพี่ใหญ่ในเอเชียอย่างจีนจะเผชิญความเสี่ยงจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ แต่การบังคับใช้มาตรการต่างๆ อาจจะไม่ได้รุนแรงเท่าที่พูดคุยในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ขณะที่เศรษฐกิจจีนยังคงมีโอกาสได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการ สำหรับประเทศที่เติบโตโดดเด่นที่สุดในภูมิภาค คงหนีไม่พ้นเวียดนาม ที่เศรษฐกิจยังคงเติบโตแข็งแกร่ง มีโอกาสได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตจากจีน อีกทั้งยังมีระดับ Valuation ที่ไม่แพงอีกด้วย
7. เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ผ่านกองทุน Hedge funds ที่มีการลงทุนในสกุลเงินต่างๆ โดยคาดว่าดอลลาร์สหรัฐฯ จะได้ประโยชน์จากนโยบายของคุณทรัมป์ที่เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และกดดันประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทำให้ค่าเงินสกุลอื่นมีโอกาสอ่อนค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งยูโร ปอนด์ เยน ตลอดจนหยวนของจีน
8. แสวงหาโอกาสในสินทรัพย์นอกตลาด สำหรับนักลงทุนที่สามารถลงทุนระยะยาวได้ แนะนำแบ่งเงินลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดทั้งหุ้นที่มีศักยภาพการเติบโตสูงมากเมื่อเทียบกับหุ้นในตลาด ตลอดจนตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูง รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ที่จะให้ผลตอบแทนในรูปแบบของค่าเช่าและกำไรจากการขายสินทรัพย์
เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าการกระจายการลงทุนพร้อมทั้งบริหารเชิงรุก จะทำให้ปี 2025 จะเป็นอีกหนึ่งปีที่นักลงทุนยิ้มได้ สวัสดีปีใหม่ค่ะ