พรีเมียร์ลีกบน Mono Max เปิดเทรนด์อนาคตถ่ายทอดสดกีฬาบนสตรีมมิง
พรีเมียร์ลีกบน Mono Max เปิดเทรนด์อนาคตถ่ายทอดสดกีฬาบนสตรีมมิง กระจกบานใหญ่ที่เผยให้เห็นวิวของมหานครลอนดอนที่อยู่เบื้องล่างมีข้อความต้อนรับเขียนเอาไว้อย่างน่ารัก “Welcome to the cloud Dr.Noi”
KEY
POINTS
Key points
- ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของระบบอินเตอร์เน็ตพื้นฐานในประเทศไทย รวมถึงสัญญาณอินเตอร์เน็ตของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือก้าวหน้าไปมาก (ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ “เน็ตไว” ที่สุดของโลก) ทำให้วิธีการรับชมผ่านการ Streaming ได้รับความนิยมมากขึ้นตามลำดับ
- Mono Max เกิดจากการคาดการณ์ในอนาคต (ที่แม่นยำใช้ได้) ว่ารายได้จากธุรกิจโทรทัศน์ในเครือช่อง Mono 29 จะลดลงอย่างมาก ซึ่งจะสวนทางกับธุรกิจออนไลน์ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
- ยักษ์ใหญ่ของโลกสตรีมมิงอย่าง Netflix ก็กระโดดขึ้นขบวนตามมาด้วยในการถ่ายทอดสดกีฬา โดยหลังจากชิมลางกับการแข่งขันเทนนิส Netflix Slam, การแข่งกอล์ฟ Netflix Cup ก็มาถึงไฟต์มวยที่มีผู้ชมมหาศาลถึง 60 ล้านครัวเรือนอย่าง เจค พอล vs. ไมค์ ไทสัน
- พรีเมียร์ลีกยังมีคอนเทนต์แวดล้อมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เรื่องราวของนักกีฬาที่มอบบทเรียนและสร้างแรงบันดาลใจ, ความรู้จากเกมการแข่งขัน เช่น แท็คติกการเล่น, รูปแบบการเล่น หรือวิธีการดูแลร่างกายและการเตรียมความพร้อมของสภาพจิตใจ ที่จะมีประโยชน์สำหรับเยาวชน
ข้อความดังกล่าวคือข้อความต้อนรับ ดร.โสรัชย์ อัศวประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (รักษาการ) บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS หรือ “พี่น้อย” ของใครหลายคนที่เดินทางไปยังลอนดอน ซึ่งนอกจากจะไปเพื่อชมทีมรักอย่างลิเวอร์พูลลงแข่งขันใน 2
แมตช์ใหญ่สุดสำคัญอย่างการพบกับเรอัล มาดริดในศึกยูเอฟา แชมเปียนส์ ลีกแล้ว ยังมีเกมสำคัญที่อาจจะมีผลต่อการลุ้นแชมป์ลีกโดยตรงในการรับมือกับแมนเชสเตอร์ ซิตีด้วย
การไปครั้งนี้ของ ดร.โสรัชย์ อาจเป็นที่มาของการแถลงยืนยันจากพรีเมียร์ลีกในการมอบลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลลีกที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดตลอดกาลของทั้งชาวไทยและชาวโลกเป็นระยะเวลา 6 ปีด้วยกันนับตั้งแต่ปี 2025-2031ให้แก่ “JAS” ที่ทุ่มเงินกว่า 1.91 หมื่นล้านบาท (โดยได้ฟุตบอลเอฟเอ คัพ พ่วงมาด้วย)
แถลงการณ์ดังกล่าวเป็นข่าวดีสำหรับ JAS ที่คว้าสุดยอดคอนเทนต์กีฬาที่ดีที่สุดของโลกมาครองได้ แต่ในเวลาเดียวกันก็อาจนับเป็นสัญญาณสำหรับแฟนฟุตบอลชาวไทยที่ต้องศึกษาและเตรียมตัวสำหรับการรับชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในยุคใหม่ซึ่งจะอยู่บนแพลตฟอร์มของ “Mono Max”
โดยที่จะเป็นครั้งแรกที่การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจะไม่มีบนระบบดั้งเดิม (Linear TV) ทุกอย่างจะอยู่บน “Over-the-air” หรืออยู่บนระบบออนไลน์ทั้งหมด
นี่เป็นเรื่องที่ท้าทายอยู่ไม่น้อย เพียงแต่หากมองตามเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของโลกแล้ว นี่เป็นก้าวเดินที่ไม่มีอะไรผิดเลยสักนิดสำหรับ JAS
เข้าสู่ยุคไร้กล่อง
"ทางพรีเมียร์ลีกได้ส่งหนังสือการลงนามยืนยันถึงการได้ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพของ JAS ทั้ง 6 ฤดูกาล กลับมาให้เรียบร้อยแล้ว ขอยืนยันว่าการรับชมต้อง streaming ผ่าน Monomax เป็นหลัก รวมถึงชมผ่าน Smart TV ได้ ในเรื่องของราคาจะไม่เกิน 400 บาทต่อเดือน สามารถดูรายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ รวมถึงดูภาพยนตร์และซีรีส์ต่างประเทศได้ไม่จำกัด”
การยืนยันของ ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา ครั้งนี้ถือเป็นก้าวที่น่าจับตามองสำหรับเทคโนโลยีการถ่ายทอดสดกีฬาในประเทศไทย โดยเฉพาะกีฬาชั้นนำจากต่างประเทศซึ่งเป็นคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมจากผู้ชมตลอดกาล
ที่ผ่านมาผู้บริโภคชาวไทยต้องรับชมคอนเทนต์ของผู้ให้บริการเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น IBC, UTV, UBC จนถึง True Visions, CTH, RS และ GMMTV ผ่านอุปกรณ์ในการรับชมอย่างกล่องรับสัญญาณของแต่ละเจ้า
เรื่องนี้ทำให้เกิดช่วงปัญหาหนักใจที่การแข่งขันระหว่างผู้ให้บริการสูง มีการแย่งชิงลูกค้าด้วยคอนเทนต์ระดับโลกจนทำให้เกิดสถานการณ์ที่แฟนกีฬาต้องซื้อหากล่องรับสัญญาณของผู้ให้บริการเหล่านี้มาใช้งานกันจนเต็มบ้าน บางบ้านวางกล่องซ้อนกันจนแทบจะเป็นคอนโด
อย่างไรก็ดีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของระบบอินเตอร์เน็ตพื้นฐานในประเทศไทย รวมถึงสัญญาณอินเตอร์เน็ตของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือก้าวหน้าไปมาก (ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ “เน็ตไว” ที่สุดของโลก) ทำให้วิธีการรับชมผ่านการ Streaming ได้รับความนิยมมากขึ้นตามลำดับ
ถึงแม้จะเคยมีปัญหาบ้างจากเรื่องการ “ดีเลย์” ของสัญญาณ ที่เคยเป็นเรื่องขัดใจของแฟนกีฬา เพราะหากรับชมอยู่ที่บ้านโดยมีบ้านใกล้ๆชมผ่านกล่องรับสัญญาณ (จานดาวเทียมหรือเคเบิ้ลทีวี) ก็จะถูก “สปอยล์” ผลการแข่งขันก่อน
แต่เรื่องเหล่านี้ลดน้อยลงตามลำดับ พร้อมกับพฤติกรรมในการรับชมที่เปลี่ยนแปลงไป
Mono Max สตรีมมิงสัญชาติไทยตัวจริง
สำหรับ Mono Max เป็นบริการสตรีมความบันเทิงของบริษัท โมโน เน็กซ์ ที่เปิดตัวเริ่มให้บริการมายาวนานในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2015
หรือพูดง่ายๆว่าให้บริการตั้งแต่วงการสตรีมมิงเพิ่งตั้งไข่กันในเมืองไทยเลยทีเดียว!
โดยการถือกำเนิดของ Mono Max เกิดจากการคาดการณ์ในอนาคต (ที่แม่นยำใช้ได้) ว่ารายได้จากธุรกิจโทรทัศน์ในเครือช่อง Mono 29 จะลดลงอย่างมาก ซึ่งจะสวนทางกับธุรกิจออนไลน์ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มองเห็นโอกาสที่จะทำรายได้จากธุรกิจความบันเทิงบนออนไลน์ ที่มีโอกาสจะปั้นเป็น Cash Cow ตัวใหม่ได้
โดยคอนเทนต์ที่เลือกนำเสนอเป็นคอนเทนต์ที่แตกต่างจากผู้ให้บริการจากต่างประเทศที่เป็นระดับโลกเจ้าอื่นๆ ที่บุกตลาดไทยมาไม่หยุดหย่อนไม่ว่าจะเป็น Netflix, HBO Go (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น HBO Max), Disney Hotstar+ รวมถึงผู้ให้บริการเอเชียด้วยกันอย่าง Wetv, QIY, IQIYI, VIU ไม่นับเจ้าตลาดในไทยอย่าง True Visions
ซีรีส์จีนและเกาหลีเป็นหลัก และเป็นเหมือนครูผู้สอนให้ผู้บริโภคชาวไทยได้รู้จักกับระบบการรับชมแบบ SVOD (Subscription Video on Demand) หรือการรับชมเนื้อหาตามความต้องการด้วย
การให้บริการของ Mono Max ไม่เคยมีช่วงเวลาที่ง่ายเพราะการแข่งขันสูงมาก แต่เพราะเข้าใจความรู้สึกของผู้บริโภค ซึ่งแฟนของ Mono Max คือกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มคนต่างจังหวัดที่ชอบการพากย์หนังมากกว่าการขึ้นบทบรรยาย (ซับไตเติ้ล) ทำให้เลือกลงทุนเพื่อตอบสนองความต้องการของแฟนๆ
สิ่งละอันพันละน้อยค่อยๆทำให้ Mono Max ได้รับการยอมรับและความรักจากแฟนคลับที่เติบโตขยายฐานมากขึ้น พร้อมกับการผลิตคอนเทนต์ Original เองทั้งหนังและซีรีส์ภายใต้แบรนด์ Mono Original ทำให้มีผลงานของผู้ผลิตชาวไทยอยู่ในแพลตฟอร์มด้วย ซึ่งมองเห็นเทรนด์การเติบโตที่น่าสนใจ เพราะนอกจากรายได้หลักจากซีรีส์จีน (SVOD จ่ายเป็นตอนๆ) ช่วงที่มีการเปิดตัวซีรีส์ออริจินัลจะเติบโตขึ้น 10-15 เปอร์เซ็นต์
ที่ผ่านมาถือว่า Mono Max พิสูจน์ตัวเองได้อย่างน่าชื่นชมในฐานะผู้ให้บริการสตรีมมิงสัญชาติไทยแท้ที่ไม่แพ้เมืองนอกเลย
และแน่นอนว่าการได้พรีเมียร์ลีกมาจะยกระดับของ Mono Max ให้ก้าวไปอีกขั้นที่สูงกว่าในฐานะ “ผู้นำ” ของวงการสตรีมมิง
Sports Streaming คึอปัจจุบัน
สิ่งที่น่าสนใจคือนี่จะเป็นครั้งแรกที่การถ่ายทอดสดคอนเทนต์กีฬามหาชนอย่างพรีเมียร์ลีกอยู่บนระบบออนไลน์ล้วน (อาจจะมีแค่บางนัดที่ได้ออกอากาศทาง Free-to-air ทาง Mono 29 บ้าง)
แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับวงการกีฬาในปัจจุบัน เพราะการถ่ายทอดสดกีฬาในปัจจุบันผ่านระบบออนไลน์มีความก้าวหน้าขึ้นอย่างมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
โดยนอกจากจะมีแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการในแต่ละประเทศเอง เช่น Mono Max, True Visions Now (และ TrueID) หรือ AIS Play และน้องใหม่ที่มาแรงอย่าง BG Sports ซึ่งยังไม่มีแพลตฟอร์มแต่ให้บริการทาง YouTube ยังมีผู้ให้บริการต่างชาติที่เจาะเข้าทำตลาดในหลายประเทศ
ในประเทศไทยเองก็มีผู้บริการคอนเทนต์กีฬาออนไลน์จากต่างประเทศอยู่หลายเจ้า อาทิ beIN SPORTS หรือ DAZN ที่นอกจากจะให้บริการในระบบทีวีดั้งเดิมแล้วยังมีบริการรับชมแบบออนไลน์ที่ปัจจุบันถือว่าคุณภาพดีไม่ได้แตกต่างจากการรับชมผ่านเคเบิ้ลทีวี หรือกล่องสัญญาณดาวเทียมเลย
นอกจากนั้นแม้แต่เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขันเองอย่างอเมริกันฟุตบอล NFL, บาสเก็ตบอล NBA, รถแข่ง Formula 1 ก็มีการจำหน่าย Pass ที่เทียบกับตั๋วเข้าชมในหลากหลายประเภท ทั้งการรับชมสดแบบตลอดฤดูกาล หรือการชมคอนเทนต์ Exclusive ที่ทำขึ้นโดยเฉพาะสำหรับแฟนๆที่หลงไหลและอยากใกล้ชิดกับทีมหรือนักกีฬาให้มากขึ้น
ขณะที่ FIFA และ UEFA เองก็มีทั้งการถ่ายทอดสดรายการแข่งขันบางรายการแบบฟรีๆผ่านแอปลิเคชันของตัวเอง รวมถึงคัดคอนเทนต์แบบ Exclusive มาเสิร์ฟให้ถึงมือด้วย
แม้แต่พรีเมียร์ลีกเองก็เคยมีแผนที่จะขายคอนเทนต์ในลักษณะแบบเดียวกัน ในชื่อที่เรียกว่า “Premflix” ซึ่งมีแนวทางมาจาก Netflix นั่นเอง เพียงแต่แผนนี้ยังไม่เริ่มอย่างเป็นทางการเพราะยังสามารถทำรายได้จากการขายลิขสิทธิ์ได้มหาศาลอยู่เหมือนเดิม
เพราะตามข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมาพรีเมียร์ลีกขายลิขสิทธิ์ให้แก่นานาประเทศ (Overseas right) ในรอบการประมูลครั้งก่อน (2022-2025) ได้มหาศาลถึง 5.05 พันล้านปอนด์ หรือกว่า 2.2 แสนล้านบาท แซงหน้ายอดประมูลภายในประเทศหรือในสหราชอาณาจักรได้เป็นครั้งแรก และเชื่อว่าตัวเลขยอดการประมูลรอบปัจจุบันที่ JAS คว้าลิขสิทธิ์ในประเทศไทยได้จะยิ่งมากขึ้นกว่าเดิมอีก
ที่สำคัญคือแม้แต่ยักษ์ใหญ่ของโลกสตรีมมิงอย่าง Netflix ก็กระโดดขึ้นขบวนตามมาด้วยในการถ่ายทอดสดกีฬา โดยหลังจากชิมลางกับการแข่งขันเทนนิส Netflix Slam, การแข่งกอล์ฟ Netflix Cup ก็มาถึงไฟต์มวยที่มีผู้ชมมหาศาลถึง 60 ล้านครัวเรือนอย่าง เจค พอล vs. ไมค์ ไทสัน
ในปีหน้า Netflix ยังเตรียมถ่ายทอดสดมวยปล้ำ WWE ไปทั่วโลกด้วย ซึ่งเป็นก้าวที่น่าจับตามองอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้ Amazon Prime และ Apple TV ก็ขอโอกาสในการลงสนามอย่างเงียบๆมาแล้ว
และนั่นพอจะเป็นการบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าอนาคตของการถ่ายทอดสดกีฬา (Live sports) จะไม่ได้พึ่งพาแค่สถานีโทรทัศน์ในแบบเดิมๆอีกแล้ว
เมื่อทุกคนสามารถดูกีฬาสดได้ทุกที่ แค่เปิดโทรศัพท์มือถือเท่านั้น
จักรวาลกีฬาไม่รู้จบ
ความท้าทายที่น่าสนใจสำหรับ JAS และ Mono Max ไม่ได้อยู่ที่เพียงเรื่องของการหาจำนวนสมาชิกให้ได้มากที่สุดผ่านกลยุทธ์ต่างๆโดยเฉพาะการทำราคาที่ ดร.โสรัชย์ ยังรับปากว่า “จะไม่เกิน 400 บาทต่อเดือน”เท่านั้น
แต่เป็นเรื่องของการนำคอนเทนต์ลิขสิทธิ์ที่ได้มาทำการใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย
เพราะนอกจากเรื่องพื้นฐานของระบบอย่าง ความละเอียดของภาพ (ที่ผู้คนคาดหวังระดับ 4K ในเกมใหญ่ทั้งหมด) ความชัดเจนของเสียง ซึ่งเป็นโจทย์ที่ท้าทายไม่น้อยที่จะหาวิธีในการรองรับผู้ชมจำนวนมหาศาลในเวลาเดียวกัน (และส่วนใหญ่เป็นผู้ชมหัวร้อนง่ายด้วย)
ยังมีเรื่องทางเทคนิคทางการถ่ายทอดสดอื่นๆ เช่น การรับชมแบบย้อนช่วงเวลา (เผื่อชมสดในตอนแรกไม่ทัน) การนำข้อมูลสถิติมาประกอบการถ่ายทอดสดแบบเรียลไทม์ หรือการเลือกมุมกล้อง และมุมกล้องพิเศษที่แตกต่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในวงการกีฬาปัจจุบันที่ต่างประเทศ ที่ต้องรอดูว่า พรีเมียร์ลีก บน Mono Max จะมีอะไรที่พิเศษและแตกต่างจากปัจจุบันไหม
เช่นกันกับเรื่องของรายการแวดล้อม ทั้งรายการวิเคราะห์ที่เป็นของคู่กันที่หากทำคุณภาพได้ในระดับเดียวกับ Match of the Day รายการยอดฮิตตลอดกาลของ BBC หรือ Monday Night Football ของ Sky Sports โดยมีทีมวิเคราะห์คุณภาพตัวจริงของวงการ ก็จะเป็นการเพิ่มอรรถรสในการรับชมให้แก่แฟนฟุตบอลชาวไทยได้มาก
พรีเมียร์ลีกยังมีคอนเทนต์แวดล้อมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เรื่องราวของนักกีฬาที่มอบบทเรียนและสร้างแรงบันดาลใจ, ความรู้จากเกมการแข่งขัน เช่น แท็คติกการเล่น, รูปแบบการเล่น หรือวิธีการดูแลร่างกายและการเตรียมความพร้อมของสภาพจิตใจ ที่จะมีประโยชน์สำหรับเยาวชน
แม้กระทั่งเกม Fantasy Football Premier League (FPL) เกมยอดนิยม - ซึ่งก็มีข่าวแง้มๆว่าอาจจะมีเวอร์ชั่น “ภาษาไทย” ให้ได้เล่นด้วยเป็นครั้งแรก! - นอกจากความสนุกสนานที่จะได้จากการเล่น ยังมีแง่มุมให้คิดตามอีกมากมาย ทั้งการลงทุน วินัย การตัดสินใจ และอื่นๆ
สิ่งที่พูดมาเหล่านี้เป็น “เทรนด์” ที่ผู้ให้บริการต่างประเทศเริ่มไปแล้ว เพราะจักรวาลของโลกกีฬายังขยายต่อไปได้อีกไม่รู้จบ
เป็นอนาคตที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งพรีเมียร์ลีกในมือ JAS ภายใต้ Mono Max ถือว่ามาถูกทางแล้ว