จับตา! ญี่ปุ่น อาจใช้เงินมากถึง 6 หมื่นล้านดอลล์ ดันสกุลเงินให้แข็งขึ้นเฉียบพลัน

จับตา! ญี่ปุ่น อาจใช้เงินมากถึง 6 หมื่นล้านดอลล์ ดันสกุลเงินให้แข็งขึ้นเฉียบพลัน

“กระทรวงการคลังญี่ปุ่น” เผยไม่ได้แทรกแซงค่าเงิน แม้แข็งค่าขึ้นกะทันหันกว่า 3% ช่วงปลายเดือนเม.ย. หลังจากอ่อนค่าอย่างหนัก แม้นักวิเคราะห์บลูมเบิร์ก เผยอาจใช้เงินมากถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์พยุงค่าเงิน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานข้อมูลล่าสุดจากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) วันนี้ (10 พ.ค.) ว่า คณะกรรมการนโยบายทางการเงินญี่ปุ่นอาจใช้งบประมาณเพิ่มเติมเพื่อแทรกแซงค่าเงินหวังพยุงค่าเงินที่อยู่ในทิศทางอ่อนค่าลง 

โดยข้อมูลจากเฟดเผยว่า ปริมาณการถือครองหลักทรัพย์ในสกุลเงินดอลลาร์ในภาพรวมลดลง 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์มาอยู่ที่ประมาณ 2.95 ล้านล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 8 พ.ค. 

ด้านบทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า ตัวเลขทั้งหมดแสดงให้เห็นว่ามีแนวโน้มที่บีโอเจจะขายสกุลเงินต่างชาติเพื่อเข้าแทรกแซงในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เพราะต้องการอุ้มเงินเยนจากการอ่อนค่าอย่างหนักในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา 
 

โดยเมื่อวันที่ 29 เม.ย. ซึ่งเป็นวันหยุดในญี่ปุ่น เงินเยนร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 34 ปีที่ 160.17 หน่วยต่อดอลลาร์ ก่อนจะดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง หลังจากสิ้นสุดการประชุมนโยบายของเฟดทั้งหมดสองวัน ขณะที่ในอีกสามวันต่อมาเงินเยนก็แข็งค่าขึ้นอย่างกะทันหันมากกว่า 3% 

แม้ว่ากระทรวงการคลังญี่ปุ่นจะปฏิเสธว่าไม่มีการแทรกแซง ทว่าบทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า ข้อมูลจากบัญชีธนาคารของบีโอเจชี้ให้เห็นชัดเจนว่ามีการแทรกแซงเกิดขึ้น และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วคณะกรรมการฯ อาจใช้เงินประมาณ 9 ล้านล้านเยน (ประมาณ 6 หมื่นล้านดอลลาร์) ในอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันเพื่อพยุงค่าเงินซึ่งเป็นจํานวนเงินที่เทียบเท่ากับการแทรกแซงก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงปี 2022

ส่วนกระทรวงการคลังญี่ปุ่นเผยว่า ทุนสํารองเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่นมีมูลค่าประมาณ 1.14 ล้านล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนเม.ย. ลดลง 1.42 หมื่นล้านดอลลาร์จากเดือนก่อนหน้า โดยได้แรงหนุนจากการลดลงของหลักทรัพย์ต่างประเทศที่หดตัวประมาณ 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์เป็น 9.78 แสนล้านดอลลาร์ 

ในขณะที่เม็ดเงินราว 1.57 แสนล้านดอลลาร์ไหลเข้าไปในธนาคารเพื่อการชําระหนี้ระหว่างประเทศ (Bank for International Settlements) และธนาคารกลางต่างประเทศอื่น ๆ ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 1.55 แสนล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนมี.ค.

อ้างอิง

Bloomberg