MGI ไม่หวั่นราคาหุ้นร่วง ยันถือหุ้น SABUY แค่ 1.7% ไม่ได้เทคโอเวอร์ธุรกิจ

MGI ไม่หวั่นราคาหุ้นร่วง ยันถือหุ้น SABUY แค่ 1.7% ไม่ได้เทคโอเวอร์ธุรกิจ

“มิสแกรนด์” ไม่สนใจราคาหุ้น “สบาย” ดิ่งยันไม่เกี่ยวข้องพื้นฐานธุรกิจ เดินหน้าจับมือ “ต่อยอด” สร้างการเติบโต “ณวัฒน์” ย้ำถือหุ้นแค่ 1.7% ไม่มีแผนซื้อเพิ่ม พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 100%

นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ MGI กล่าวว่า ที่ผ่านมามีนักลงทุน
ไม่สบายใจกับการเข้าไปเป็นพาร์ตเนอร์กับ บมจ. สบาย เทคโนโลยี หรือ SABUY เนื่องจากนำไปโยงกันระหว่างหุ้น MGI กับ SABUY ที่ปัจจุบันราคาหุ้นปรับตัวลง

ซึ่งยืนยันราคาหุ้นที่ร่วงไม่เกี่ยวข้องกัน หรือเข้าไปพัวพันกับการดำเนินธุรกิจของ SABUY เนื่องจากการเข้าไปของ MGI เข้าไปเพียงถือหุ้นกว่า 1.7% เท่านั้น

ดังนั้น ราคาหุ้นของทั้งสองบริษัท ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอยากให้นักลงทุนแยกแยะ และให้คำนึงถึงพื้นฐานของธุรกิจ MGI เป็นสำคัญ เพราะเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ยังคงมีเป้าหมายเหมือนเดิมคือ ตั้งเป้าเติบโตในด้านรายได้ต่อเนื่องปีนี้ 100% หากเทียบกับปี 2566 ที่ผ่านมา

“วันนี้ หลายคนเอาหุ้นทั้งสองตัวไปผูกรวมกันหาก MGI ขึ้นหรือลง SABUY ก็ต้องขึ้นหรือลงด้วย แต่สิ่งที่อยากบอกคือเราถือเพียงแค่ 1.7% และเราก็มีวิธีที่จะทำให้บริษัทอยู่ในโหมดปลอดภัย เราไม่ได้มีบทบาท หรือเข้าไปพัวพันกับหุ้น SABUY ดังนั้น ถามว่าหากหุ้น SABUY ลดลงมาอยู่ที่ 0.50 บาทต่อหุ้นก็ไม่เกี่ยวกับเรา และเราก็ไม่ได้เอาราคาหุ้นขึ้น-ลงมาคำนวณเป็นกำไรขาดทุนของ MGI”

นอกจากนี้ ยืนยันว่า MGI ไม่ได้เข้าไปเทคโอเวอร์ SABUY เพราะสัดส่วนการถือหุ้นยังอยู่แค่ 1% และยังไม่มีนโยบายในการเข้าไปถือหุ้น หรือซื้อหุ้นเพิ่มเติม ยกเว้นว่า ในอนาคต บริษัทมีแผนต่อยอดธุรกิจเพิ่มเติม ตามพิมพ์เขียวของบริษัท เช่น การขยายธุรกิจไปในส่วนแพลตฟอร์ตดิจิทัล หรือในธุรกิจที่เกี่ยว GameFi ต่างๆ และยืนยันว่า MGI ไม่ได้เกี่ยวข้อง หรือเข้าไปมีส่วนซื้อบิ๊กล็อตหุ้น SABUY เพิ่มเติมในช่วงที่ผ่านมา

“ความต้องการของเราในการเข้าไป จับมือกับ SABUY เพราะเราต้องการเข้าไปเกตเวย์กับบริษัท โดยเรามองว่า SABUYยังมีเทคโนโลยีจำนวนมาก ที่ยังใช้ประโยชน์ไม่ได้เต็มที่ หรือขาดสีสันด้านโปรดักต์ต่างๆ ดังนั้นส่วนนี้เราจะเข้าไปเติมเต็มได้มากขึ้น”

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจ เป้าหมายของ MGI ในการเข้าไปจับมือกับ SABUY นั้น บริษัทมุ่งเน้นรับรู้ส่วนแบ่งจากการดำเนินงาน( Take Equity) เท่านั้น เนื่องจากบริษัทมองว่า สามารถเข้ามาต่อยอดธุรกิจบริษัทได้

โดยเฉพาะการขายสินค้าผ่านตู้ของ SABUY ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทในอนาคต จากเดิมที่บริษัทมียอดขายเพียงเดือนละ 35-40ล้านบาท อนาคตเมื่อนำสินค้าไปขายบนตู้อัตโมมัติยอดขายอาจเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวหรือ 100ล้านบาทได้ ซึ่งจะทำให้สินค้าของบริษัทสามารถเข้าถึงกลุ่มคนใหม่ๆที่ไม่ได้อยู่บนโลกโซเชียลมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมองโอกาสต่อยอดธุรกิจ จากจุดแข็งของ SABUY ทั้งการมีช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มของ SABUY และมีตัวแทนขายเข้ามาสนับสนุน และระบบการเงิน Wallet รวมทั้ง การจัดการฐานข้อมูลลูกค้า และ Digital Data ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทสนใจ และมีโอกาสนำมาพัฒนามากขึ้นในอนาคต 

ล่าสุด บริษัทได้ลงนามเซ็นสัญญากับ SABUY เพื่อซื้อขายน้ำพริกนางงามในปีนี้ 100,000 กระปุก โดยส่งมอบล็อตแรก 5,000 กระปุก เริ่มดำเนินการขายผ่านตู้ Sabuy Vending Plus ทันที และในอนาคตมีโอกาสผลักดันให้มียอดขายผ่านตู้ดังกล่าวถึง 200,000 กระปุก

โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นการซื้อขายผ่านตู้ได้ทันทีในช่วงเม.ย.นี้ และจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาทันที ซึ่งจะหนุนให้รายได้ของบริษัทในไตรมาส 2เติบโตได้ต่อเนื่องตามเป้าหมายที่วางไว้ 

ทั้งนี้ ความร่วมมือกับ SABUY ครั้งนี้ นับเป็นการต่อยอดธุรกิจพาณิชย์ (Commerce) จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นรายได้กลุ่มหลักของบริษัทฯ ให้เติบโตและเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ผ่านช่องทางที่แข็งแกร่งของ SABUYพร้อมเปิดตัวการจำหน่ายสินค้าแบรนด์นางงาม ผ่านตู้ “Sabuy Vending Plus” ที่มีช่องทางราว 13,000 จุด ทั่วประเทศ

โดยการเซ็นสัญญาร่วมกันกับ SABUY เพื่อซื้อน้ำพริกนางงามเริ่มต้น 100,000 กระปุกในปีนี้ ปูพรมวางจำหน่ายในตู้พร้อมรับรู้รายได้ทันที และมีโอกาสผลักดันไปได้ถึง 200,000 กระปุก รวมถึงช่องทางบริการลูกค้าในการโฆษณาผ่านตู้ Sabuy Vending Plus ในอนาคต

นอกจากนี้ เรามองว่ายังมีโอกาสที่จะต่อยอดและขยายธุรกิจของ MGI ได้ด้วยการมองเห็นจุดแข็งอื่นๆ ของทาง SABUY ที่มีธุรกิจหลากหลายมีความน่าสนใจทั้งในด้านช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มของ SABUY และมีตัวแทนขายเข้ามาสนับสนุน ขณะที่ SABUY มีระบบการเงิน Wallet รวมทั้ง การจัดการฐานข้อมูลลูกค้า และ Digital Data ขนาดใหญ่

ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสนใจ เชื่อว่าจะสามารถสร้างผลการดำเนินงานจากการ Synergy ร่วมกันได้อย่างมีนัยสำคัญ อาทิ บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด เป็นผู้นำด้านการออกแบบพัฒนาแพลตฟอร์ม Loyalty Program ทำระบบ CRM ให้แบรนด์ใหญ่ๆ ทำให้เมีฐานลูกค้าในระบบมีเป็นหลักล้านคน นับเป็นแวลู่ที่มีมูลค่ามหาศาล

นอกจากนี้ MGI กำลังแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเป็นEcosystem ของ MGI เริ่มจากฐานแฟนคลับของเรา ขยายสู่วงกว้าง ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ถ้าเราไม่มีพาร์ทเนอร์ที่ถูกต้องเราจะไปได้ยาก 

อย่างไรก็ดี MGI เป็นบริษัท Cash Cow มีเงินสดในมือ และมีอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับต่ำมาก ดังนั้น การลงทุนขยายธุรกิจจึงดำเนินงานด้วยความระมัดระวัง และไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น มั่นใจจะสร้างการเติบโตจากการลงทุนเพื่อต่อยอดไปสู่ความยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีต่อนักลงทุนในระยะยาวได้

ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 3/2567 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2567 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าทำการซื้อหุ้น บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY จำนวนรวม 30,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 4.5 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 135,000,000 บาท โดยบริษัทฯ จะถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 1.70 ของทุนจดทะเบียนของบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้บริษัท ชำระค่าหุ้นสามัญด้วยกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ไม่ได้ใช้เงินจากการ IPO