PRINC ฟอร์มดี Q4 กวาดรายได้โต 12.6% รวมทั้งปี 2566 อยู่ที่ 5,640 ล้านบาท

PRINC ฟอร์มดี Q4 กวาดรายได้โต 12.6% รวมทั้งปี 2566 อยู่ที่ 5,640 ล้านบาท

PRINC ฟอร์มดี Q4 กวาดรายได้โต 12.6% รวมทั้งปี 2566 อยู่ที่ 5,640 ล้านบาท จำนวนผู้ป่วย-อัตราครองเตียงพุ่ง ปี 2567 เดินหน้าขยายโรงพยาบาล ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ และธุรกิจการแพทย์ที่เกี่ยวเนื่อง

บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล หรือ PRINC ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการโรงพยาบาลเอกชนและธุรกิจสุขภาพ ในนาม เครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2566 มีรายได้รวม 1,523 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ทั้งปี 2566 มีรายได้รวม 5,640 ล้านบาท ถ้าพิจารณาเฉพาะรายได้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 พบว่า รายได้ปี 2566 เติบโตขึ้น 36.1 % จากผลการดำเนินงานที่เติบโตจากทุกโรงพยาบาล ซึ่งปัจจุบันมีโรงพยาบาลในเครือทั้งหมด 15 แห่ง เปิดดำเนินการแล้ว 14 แห่ง ใน 11 จังหวัด 

นายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล กรรมการผู้จัดการและรองประธานกรรมการ บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) กล่าวถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2566 ว่าอัตราการครองเตียงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเติบโตถึง 62.6% และยังคงรักษาการเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ปีที่ผ่านมา ที่ทำสถิติในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมี 3 ปัจจัยสนับสนุน ได้แก่

1.) ผลการดำเนินงานที่มุ่งเสริมศักยภาพเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ทั้งการเพิ่มบริการด้านการแพทย์ด้วยการเสริมทีมแพทย์และเปิดคลินิก หรือศูนย์การแพทย์เฉพาะทางในปี 2566 รวมทั้งรับรู้รายได้จากทางโรงพยาบาลใหม่ โรงพยาบาลรวมแพทย์ พิษณุโลก หน่วยบริการรับส่งต่อทางการแพทย์ ภายใต้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมมอนซูน (Monsoon Wind Farm) เมืองดักจึง สปป.ลาว ของโรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างการรับรู้และขยายฐานกลุ่มผู้รับบริการชาวสปป.ลาว ฯลฯ และยังมีแผนขยายโรงพยาบาลเพิ่มต่อเนื่อง และการลงทุนขยายบริการทางการแพทย์ในสาขาเฉพาะทาง เช่น หัวใจ มะเร็ง คลินิกผู้มีบุตรยากตามโรงพยาบาลในเครืออีกด้วย

2.) การขยับฐานของจำนวนผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มโรคที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ทั้งโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ RSV ในเด็ก และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ B และโรคไข้เลือดออก ทั้งผู้ป่วยชาวไทยและประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว และชาวกัมพูชา ทำให้ภาพรวมจำนวนผู้ป่วยนอก (OPD) เฉลี่ยต่อวันสูงขึ้น 14.0% รายได้ผู้ป่วยนอกเฉลี่ยต่อครั้งสูงขึ้น 8.1% และ Admission Rate สูงขึ้น 3.4%  

3.) การเพิ่มศักยภาพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทางการแพทย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางการแพทย์และการบริหารจัดการของโรงพยาบาลและธุรกิจในเครือ ผ่านโมเดล Shared Services เช่น Teleradiology พร้อมด้วยทีมแพทย์รังสีรักษาในเครือ, การพัฒนาระบบ PRINC Single Profile ตรวจสอบประวัติการรักษาข้ามสถานพยาบาล เพื่อให้มั่นใจได้ว่ากรณีเจ็บป่วยไม่ว่าจะเข้ารับบริการโรงพยาบาลแห่งใดในเครือ จะได้รับบริการที่ดี พร้อมด้วยข้อมูลประวัติการรักษา พร้อมสนับสนุนทางการแพทย์เพื่อวินิจฉัยรักษาได้อย่างตรงจุด เป็นต้น

ส่วนผลการดำเนินงานตามแนวทางความยั่งยืน (ESG) บริษัทฯ ได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย หรือ CG ประจำปี 2566 ในระดับ 5 ดาว หรือ "ดีเลิศ" (Excellent CG Scoring) เป็นปีแรก โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) และผ่านการประเมินมาตรฐานสากลด้านจริยธรรมของผู้ให้บริการด้านสุขภาพ หรือ EPiHC นับเป็นสถานพยาบาลแห่งที่ 2 ในประเทศไทยที่ได้รับการประเมินดังกล่าว

ทั้งนี้ ร่วมสนับสนุนข้อตกลงระดับโลกของสหประชาชาติในไทย พร้อมขับเคลื่อนการดำเนินงานขององค์กรหลังเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ตั้งแต่ปี 2564 และมุ่ง ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิ จากกระบวนการดำเนินงานเป็นศูนย์ ภายในปี 2573 พร้อมเดินหน้าปรับเปลี่ยนไปใช้พลังงานแสงอาทิตย์ด้วย Solar Rooftop เพิ่มอีก 2 แห่ง ที่โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี และโรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี รวมดำเนินการแล้วทั้งหมด 5 แห่ง ตามแผนการดำเนินงานด้านความยั่งยืน

"บริษัทฯ ยังเดินหน้าตามแผนงานขยายโรงพยาบาลตามเป้าหมาย 20 แห่งภายใน 2 ปี และปีนี้เดินหน้าตามแผนงานเปิดศูนย์การแพทย์และคลินิกเฉพาะทางเพิ่มอีกในหลายสาขา รวมไปถึงแผนการขยายศูนย์รักษามะเร็งของโรงพยาบาลในเครือหลายแห่ง รวมทั้งการขยายธุรกิจ Healthcare โดยมุ่งเน้นธุรกิจการดูแลรักษาและฟื้นฟู ผู้สูงอายุ และ ผู้ป่วย ครบวงจร ธุรกิจเครื่องมือแพทย์ การดูแลรักษาผู้มีบุตรยาก ฯลฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะลดสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลงเพื่อมุ่งสู่ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ควบคู่กับการดำเนินงานตามแผนการดำเนินงานอย่างยั่งยืน เพื่อร่วมสร้างการเข้าถึงบริการสาธารณสุขในพื้นที่จังหวัดเมืองตามปณิธานของการมุ่งสู่องค์กรที่สร้างคนให้มีจิตใจที่เป็นผู้ให้ เพื่อช่วยเหลือคน ชุมชน สังคมต่อไป" นายแพทย์กฤตวิทย์ กล่าวทิ้งท้าย