กลุ่มยูโอบี ฟันกำไรปี66 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ 6.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์

กลุ่มยูโอบี ฟันกำไรปี66 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ 6.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์

ยูโอบีประกาศผลกำไรสุทธิ ปี 2566 เพิ่มขึ้น 26% สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 6.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ รายได้ที่สูงเป็นประวัติการณ์ได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายแฟรนไชส์ในภูมิภาคและการเติบโตของรายได้รวมที่แข็งแกร่ง

กลุ่มธนาคารยูโอบีประกาศผลกำไรสุทธิสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 6.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 หากรวมค่าใช้จ่ายครั้งเดียวที่เกิดจากการซื้อกิจการธุรกิจลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ป กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 5.7 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน

คณะกรรมการจึงเสนอจ่ายเงินปันผลที่ 85 เซ็นต์ต่อหุ้นสามัญ ซึ่งเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาล 85 เซ็นต์ต่อหุ้นสามัญ เงินปันผลทั้งหมดสำหรับปี 2566 คิดเป็น 1.70 เหรียญสิงคโปร์ต่อหุ้นสามัญ หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณร้อยละ 50

 

ในปี 2566 ผลกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารยูโอบีปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 และก้าวข้าม 6 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก แตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 6.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ 

โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่งและแฟรนไชส์ลูกค้าที่ขยายตัว รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 อยู่ที่ 9.7 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ จากการเพิ่มขึ้นของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่แข็งแกร่งที่ 23 จุดและการเติบโตของสินเชื่อที่ร้อยละ 2 ในสกุลเงินคงที่ รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิโตขึ้นร้อยละ 4 อยู่ที่ 2.2 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ จากค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตและการบริหารความมั่งคั่งที่สูงขึ้น แม้ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อจะลดลงก็ตาม คุณภาพของสินทรัพย์ยังคงที่ โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ที่ร้อยละ 1.5

 

รายได้จากลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ (Wholesalebanking) ของกลุ่มธนาคารยูโอบีปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 อยู่ที่ 7.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ จากการให้บริการด้านธุรกรรมของธนาคาร (Transaction banking) ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเกินกว่าครึ่งของรายได้จากลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ นอกจากนี้ รายได้ข้ามพรมแดนก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน ที่ร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับปริมาณรายได้ในปี 2565

รายได้ของกลุ่มลูกค้ารายย่อยดีดตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 36 อยู่ที่ 5.5 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ จากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตพุ่งขึ้นร้อยละ 66 แตะจุดสูงสุดใหม่ที่ 382 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและการขยายแฟรนไชส์ในภูมิภาค แม้นักลงทุนยังคงมีทัศนคติการลงทุนที่ระมัดระวัง

แต่รายได้จากการบริหารจัดการความมั่งคั่งกลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากส่วนแบ่งการตลาดการขายประกันชีวิตผ่านธนาคารพาณิชย์ที่กำลังขยายตัวและอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์กองทุนรวมตราสารหนี้ที่เพิ่มขึ้น แม้ตลาดจะยังคงผันผวน แต่เงินไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนใหม่จำนวน 2.2 หมื่นล้านเหรียญสิงคโปร์ส่งผลให้สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการจากลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งขยายตัวขึ้นอยู่ที่ 1.76 แสนล้านเหรียญสิงคโปร์ 

ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2566 กลุ่มธนาคารยูโอบีมีลูกค้ารายย่อยกว่า 8 ล้านราย ในจำนวนนี้ ประมาณ 1 ล้านรายเป็นลูกค้าใหม่ที่ธนาคารได้รับมาเอง และมากกว่าครึ่งของลูกค้ากลุ่มนี้สมัครใช้บริการผ่านระบบออนไลน์

กลุ่มธนาคารยูโอบียังคงมุ่งมั่นเดินหน้าวาระการพัฒนาอย่างยั่งยืนในปี 2566 โดยในเดือนตุลาคม ธนาคารได้จัดตั้งคณะที่ปรึกษาด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญอิสระ 3 ท่าน เพื่อให้คำปรึกษาแก่คณะกรรมการและผู้บริหารในด้านยุทธศาสตร์ เป้าหมาย

และโครงการริเริ่มด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนของยูโอบี พอร์ตโฟลิโอด้านการเข้าถึงเงินทุนอย่างยั่งยืนของกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นแตะ 4.45 หมื่นล้านเหรียญสิงคโปร์ในปี 2566 นอกจากนี้ กลุ่มธนาคารยูโอบีจะมุ่งมั่นเดินหน้าร่วมมือกับลูกค้าในการให้การสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจแบบคาร์บอนต่ำ

การจ่ายเงินโบนัสครั้งเดียวแก่พนักงานระดับเริ่มต้น

ตามคำแนะนำล่าสุดของสภาค่าจ้างแห่งชาติสิงคโปร์เพื่อช่วยให้พนักงานรับมือค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ยูโอบีจึงจะจ่ายเงินพิเศษเพิ่มให้อีกหนึ่งเดือนแบบจ่ายครั้งเดียวแก่พนักงานระดับเริ่มต้น จำนวน 6,000 คนทั่วทั้งกลุ่มธนาคาร เพื่อช่วยให้พวกเขารับมือกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น กลุ่มธนาคารยูโอบีมุ่งมั่นให้โครงสร้างค่าแรงของพนักงานยุติธรรมและแข่งขันได้

 พร้อมเสริมด้วยสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว รวมถึงสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลขั้นสูง โครงการฝึกอบรม และอีกมากมาย

สารจากกรรมการผู้จัดการใหญ่

นาย วี อี เชียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า “กลุ่มธนาคารยูโอบีประกาศผลกำไรสุทธิปีนี้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากรายได้ที่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งผ่านแฟรนไชส์ธุรกิจแบบกระจายความเสี่ยง ตลอดจนการเสริมงบดุลให้มีความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ เรายังคงดำรงสภาพคล่องและฐานะเงินทุนให้เพียงพอด้วยความระมัดระวัง ตลอดจนลงทุนเพื่อการเติบโตที่มีคุณภาพและยืดหยุ่น

“แนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลกในระยะเวลาอันใกล้นี้ยังคงไม่แน่นอน ทว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงเป็นภูมิภาคที่สดใส เรามองเห็นแนวโน้มเชิงบวกเกี่ยวกับศักยภาพของอาเซียน ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการในภูมิภาคที่ปรับตัวดีขึ้น การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวที่ดี และการไหลของเงินทุนที่แข็งแกร่งสู่ภาคการผลิต ในขณะที่บริษัทต่างพากันปรับห่วงโซ่อุปทานของตนเอง แฟรนไชส์ที่แข็งแกร่งของเราทั่วภูมิภาคอาเซียนอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการคว้าโอกาสในภูมิภาคเอาไว้

“การซื้อกิจการซิตี้กรุ๊ปเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เราประสบความสำเร็จในการผสานรวมพอร์ตโฟลิโอของซิตี้กรุ๊ปในมาเลเซียและอินโดนีเซีย ส่วนแผนงานในประเทศไทยและเวียดนามจะตามมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ด้วยตำแหน่งในตลาดที่มั่นคงและแฟรนไชส์ในภูมิภาคที่ขยายใหญ่ขึ้น ธนาคารยูโอบีจะมุ่งมั่นยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการรวมถึงขีดความสามารถของเราเพื่อให้บริการฐานลูกค้าที่ขยายใหญ่ขึ้น”