PRM โชว์รายได้ปี 66 ทะลุ 8 พันล้าน พร้อมปันผลงวดครึ่งปีหลัง 0.26 บาทต่อหุ้น

PRM โชว์รายได้ปี 66 ทะลุ 8 พันล้าน พร้อมปันผลงวดครึ่งปีหลัง 0.26 บาทต่อหุ้น

PRM โชว์งบปี 66 โกยรายได้ 8,087 ล้านบาท เติบโต 4.82% กำไรสุทธิ 2,124 ล้านบาท ด้านบอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลงวดครึ่งหลังปี 66 อัตราหุ้นละ 0.26 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 7 พ.ค.67

นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2566 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566) บริษัทมีรายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 8,086.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.82% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 7,715.40 ล้านบาท

โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้น มีปัจจัยหนุนมาจากกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ ที่สามารถให้บริการเรือ VLCC เต็มอัตราการใช้เรือครบทั้ง 3 ลำตลอดทั้งปี ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศสามารถชดเชยการชะลอตัวลงของธุรกิจขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ หรือ FSU เนื่องจากสภาวะ Backwardation ของตลาดซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าได้เป็นอย่างดี 

ขณะเดียวกัน บริษัท ยังสามารถทำกำไรจากการขายเรือ FSU ที่ครบอายุการให้บริการในช่วงที่ราคาเหล็กในตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับสูงได้ถึง 312.20 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,214.00 ล้านบาท 
 

ทั้งนี้ คณะกรรมการเห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 เพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 จากกำไรสุทธิให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.36 บาท โดยบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ที่ผ่านมา จึงคงเหลือจ่ายเงินปันผลครึ่งหลังปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.26 บาท

โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 7 พฤษภาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 พฤษภาคม 2567

นายวิริทธิ์พล กล่าวเพิ่มเติมถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท ในปี 2567 โดยบริษัทยังคงมุ่งขยายธุรกิจในกลุ่มเรือปิโตรเคมี และธุรกิจออฟชอร์ซัพพอร์ตอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นหาเรือขนส่งปิโตรเคมีเสริมกองเรือ เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตของโรงกลั่นในภูมิภาค

รวมถึงธุรกิจออฟชอร์ซัพพอร์ต ที่ประเมินว่ายังมีความต้องการสูงตามกิจกรรมการผลิต และสำรวจปิโตรเลียมกลางทะเลที่เพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทได้รับมอบ Medium Speed Crew Boat ต่อใหม่ไปแล้ว 1 ลำในเดือนมกราคมที่ผ่านมา และเตรียมรับเพิ่มอีก 1 ลำในเดือนมีนาคม 2567 นี้ ซึ่งทั้ง 2 ลำ มีลูกค้ารองรับทั้งหมดแล้ว โดย Medium Speed Crew Boat ทั้ง 2 ลำนี้มีเทคโนโลยี Hybrid ที่ช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ

นอกจากเสริมทัพกองเรือธุรกิจออฟชอร์ซัพพอร์ตแล้ว ยังเตรียมลงทุนกองเรือเพิ่มอีก 3-4 ลำ สนับสนุนผลประกอบการของปี 2567 เติบโตตามเป้าที่กำหนดไว้

“ธุรกิจปี 2567 ที่มีทิศทางการเติบโตต่อเนื่องจากปี 2566 จากความต้องการใช้พลังงานเชื้อเพลิงภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น หลังเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว และการท่องเที่ยวเติบโต รวมถึงการขยายกองเรือต่อเนื่อง นับเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยหนุนให้บริษัทเติบโตแข็งแกร่ง และมั่นคงในอนาคต” นายวิริทธิ์พล กล่าว
 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์