นิติบุคคลอัปเดตด่วน การเปลี่ยนคำศัพท์และรายการย่อใน 'งบการเงิน' ล่าสุด

นิติบุคคลอัปเดตด่วน การเปลี่ยนคำศัพท์และรายการย่อใน 'งบการเงิน' ล่าสุด

นิติบุคคลอัปเดตด่วน หลังมีประกาศเปลี่ยนคำศัพท์เพื่อให้สอดคล้องกับงบการเงิน และปรับปรุงรายการย่อที่ต้องมีในงบการเงิน โดยต้องเริ่มใช้คำใหม่ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567

นักบัญชีต่างรู้กันดีว่ากิจการที่จดทะเบียนบริษัทเป็นนิติบุคคล จะต้องมีการจัดทำ "งบการเงิน" เพื่อส่งให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยจะต้องใช้คำศัพท์เฉพาะที่กฎหมายกำหนดในรายการงบการเงิน เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีความเข้าใจสอดคล้องไปในทิศทางที่ตรงกัน

โดยล่าสุดทางสภาวิชาชีพบัญชีได้ออกประกาศเกี่ยวกับการเปลี่ยนคำศัพท์เพื่อให้สอดคล้องกับงบการเงิน และกรมพัฒนาธุรกิจการค้าก็ได้ประกาศปรับปรุงรายการย่อที่ต้องมีในงบการเงิน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานการรายงานการเงินที่สภาวิชาชีพประกาศในปัจจุบัน ซึ่งนิติบุคคลต้องเริ่มใช้คำใหม่ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567

โดยสามารถสรุปได้คือ

  • เปลี่ยนคำศัพท์ที่มีความเกี่ยวข้องกับงบการเงิน - สภาวิชาชีพบัญชี

ตามประกาศมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับปรับปรุงปี 2566 ได้มีการเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นฉบับปรับปรุงมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศฉบับรวมเล่ม 2566 โดยจะมีผลบังคับใช้สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2567

ทั้งนี้ ในมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับปรับปรุงปี 2566 ได้มีมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 1 ที่เกี่ยวกับการเสนองบการเงิน ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงคำศัพท์ให้สอดคล้องกันมากขึ้น และทำให้ความหมายถูกต้องมากขึ้น

นอกจากนี้ยังทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วย
เพราะเนื่องจากศัพท์ภาษาอังกฤษยังใช้คำเหมือนเดิม แต่แปลเป็นไทยมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมคำเพื่อให้กิจการสามารถจำแยกออกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

โดยการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สามารถอธิบายได้ดังนี้

1.เปลี่ยนคำใหม่เพื่อให้แยกออกได้ชัดเจนขึ้น

1.1 งบแสดงฐานะการเงิน ​​​​เปลี่ยนเป็น ​งบฐานะการเงิน
​1.2 งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ ​เปลี่ยนเป็น ​งบการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ
​1.3 ค่าใช้จ่ายตามลักษณะ ​​​​เปลี่ยนเป็น​ ค่าใช้จ่ายตามธรรมชาติ​

2.คำศัพท์ภาษาอังกฤษใดบ้างที่ยังคงเดิม แม้ภาษาไทยมีการเปลี่ยนแปลง

และจากการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมคำของชื่องบการเงิน เพื่อให้สอดคล้องกับชื่องบการเงินอื่นๆ จึงทำให้ข้อความต้นฉบับภาษาไทยของชื่องบการเงินมีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างกัน และบางประโยคก็ยังคงเดิม แต่คำศัพท์ภาษาอังกฤษยังคงใช้คำเดียวกัน คือคำว่า “Statement” เช่น

2.1 Statement of financial position คำแปลภาษาไทยเดิมคือ “งบแสดงฐานะการเงิน”
2.2 Statement of profit or loss and other comprehensive income คำแปลภาษาไทยเดิมคือ “งบกำไรขาดทุนและกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น”
2.3 Statement of changes in equity คำแปลภาษาไทยเดิมคือ “งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ”
2.4 Statement of cash flows คำแปลภาษาไทยเดิมคือ “งบกระแสเงินสด”
2.5 Expense by nature คำแปลภาษาไทยเดิมคือ “ค่าใช้จ่ายตามลักษณะ”

  • กำหนดรายการย่อที่ต้องมีในงบการเงิน - กรมพัฒนาธุรกิจการค้า 

ล่าสุดกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ก็ได้ประกาศปรับปรุงรายการย่อที่ต้องมีในงบการเงิน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานการรายงานการเงินที่สภาวิชาชีพประกาศในปัจจุบัน โดยใช้บังคับสำหรับการจัดทำงบการเงิน ซึ่งมีรอบปีบัญชีเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป สรุปได้ดังนี้

1.งบแสดงฐานะการเงิน เปลี่ยนเป็น งบฐานะการเงิน

2.งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ เปลี่ยนเป็น งบการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ

3.ค่าใช้จ่ายตามลักษณะ เปลี่ยนเป็น ค่าใช้จ่ายตามธรรมชาติ

4.งบกำไรขาดทุน แบบจำแนกตามลักษณะของค่าใช้จ่าย เปลี่ยนเป็น งบกำไรขาดทุน แบบจำแนกตามธรรมชาติของค่าใช้จ่าย

5.ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่น เปลี่ยนเป็น ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้หมุนเวียนอื่น และ ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้ไม่หมุนเวียนอื่น

6.งานระหว่างทำ (Unbill สำหรับธุรกิจที่รับรู้ตาม % of completion) เปลี่ยนเป็น มูลค่าของงานส่วนที่เสร็จแต่ยังไม่ถึงกำหนดเรียกชำระเงิน-หมุนเวียน และ  มูลค่าของงานส่วนที่เสร็จแต่ยังไม่ถึงกำหนดเรียกชำระเงิน-ไม่หมุนเวียน

7.สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี เปลี่ยนเป็น สินทรัพย์ภาษีเงินได้ของงวดปัจจุบัน และ สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี

8.เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่น เปลี่ยนเป็น เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้หมุนเวียนอื่น และ เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้ไม่หมุนเวียนอื่น

9.รายได้รับล่วงหน้า เปลี่ยนเป็น เงินรับล่วงหน้าส่วนที่เกินกว่างานส่วนที่เสร็จ-หมุนเวียน  และ เงินรับล่วงหน้าส่วนที่เกินกว่างานส่วนที่เสร็จ-ไม่หมุนเวียน

10.ภาษีเงินได้ค้างจ่าย เปลี่ยนเป็น ภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่าย

11.ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ เปลี่ยนเป็น ภาษีเงินได้

12.ประมาณการหนี้สินระยะยาว เปลี่ยนเป็น ประมาณการหนี้สินหมุนเวียน สำหรับผลประโยชน์พนักงาน และ ประมาณการหนี้สินไม่หมุนเวียน สำหรับผลประโยชน์พนักงาน หรือ ประมาณการหนี้สินระยะยาวอื่น

13.การเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชี  เปลี่ยนเป็น การเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชี

14.การเปิดเผยนโยบายการบัญชีที่มีนัยสำคัญที่กิจการใช้ เปลี่ยนเป็น การเปิดเผยข้อมูลนโยบายการบัญชีที่สาระสำคัญที่กิจการใช้

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ประกาศกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

สรุป

สามารถสรุปได้ว่า สภาวิชาชีพบัญชีมีการแก้ไขเพิ่มเติมชื่องบ โดยตัดคำว่า “แสดง” ออก แต่อย่างไร ตามความหมายของงบการเงินทั้ง 2 ประโยค ยังคงมีความหมายเหมือนเดิม

ส่วนคำว่า Expense by Nature ได้เปลี่ยนจาก “ค่าใช้จ่ายตามลักษณะ” เป็น “ค่าใช้จ่ายตามธรรมชาติ” เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการเปิดเผยรายการค่าใช้จ่ายดังกล่าว และเพื่อให้ตรงตามความหมายของศัพท์ภาษาอังกฤษมากขึ้

อีกทั้งคำว่า “ลักษณะ” ในมาตรฐานการรายงานทางการเงินนั้น เป็นการแปลจากศัพท์ภาษาอังกฤษหลายคำ เช่น Characteristics และ Nature จึงส่งผลให้อาจเกิดความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องได้ จึงทำให้การปรับปรุงแก้ไขคำนั้นเพื่อให้เกิดความชัดเจนและสอดคล้องกับศัพท์ภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

นอกจากนี้ในส่วนของมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (ปรับปรุง 2565) (TFRS for NPAEs) ยังไม่ได้มีการปรับปรุงถ้อยคำดังกล่าว โดยมาตรฐานยังคงเป็นคำเดิม คือ “งบแสดงฐานะการเงิน” “งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ” และ “ค่าใช้จ่ายตามลักษณะ” เนื่องด้วยเป็นมาตรฐานที่ใช้กันในประเทศไทยเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การจัดทำงบการเงินตาม TFRS for NPAEs หากกิจการเลือกใช้ตามคำที่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ หรือยังคงเลือกใช้ตามคำเดิม ก็ไม่ถือว่ามีความผิด เพราะถือว่างบการเงินดังกล่าวจัดทำขึ้นตาม TFRS for NPAEs เนื่องจากมีความหมายเหมือนกัน โดยการเปลี่ยนแปลงของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับปรับปรุง 2566 นั้น เป็นการปรับปรุงเพื่อให้มาตรฐานการรายงานทางการเงินมีความชัดเจนและมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้นเท่านั้น (ข้อมูลจาก : สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์)
 
อ่านบทความน่ารู้เกี่ยวกับภาษีเพิ่มเติม คลิกที่นี่
Source : Inflow Accounting