10 เรื่องลงทุนต้องรู้ ฉบับปี 2024

10 เรื่องลงทุนต้องรู้ ฉบับปี 2024

เกือบครึ่งเดือนภาพรวมหุ้นโลกผ่านดัชนี MSCI All Country World ยังผันผวนในกรอบแคบ ซึ่ง 10 เรื่องลงทุนต้องรู้ ฉบับปี 2024 ทีนักลงทุนควรรู้

ก้าวเข้าสู่ปี 2024 มาเกือบครึ่งเดือนแล้ว มองภาพรวมหุ้นโลกผ่านดัชนี MSCI All Country World ยังผันผวนในกรอบแคบ ส่วนหนึ่งมาจากการขายทำกำไรหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะ 7 นางฟ้าที่ราคาพุ่งขึ้นแรงในปีที่แล้ว ด้านตลาดหุ้นจีนยังปรับลงต่อหลังสถาบันเงินที่ไม่ใช่ธนาคารแห่งหนึ่งยื่นล้มละลาย แม้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังประเมินว่าจะไม่ลามเป็นความเสี่ยงในระบบการเงิน

10 เรื่องลงทุนต้องรู้ในปี 2024 คือ

1. เศรษฐกิจโลกยังเติบโตได้ในอัตราที่ชะลอลงและมีโอกาสน้อยที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย สนับสนุนจากสหรัฐฯ ที่การบริโภคภาคครัวเรือนยังแข็งแกร่ง ค่าแรงเพิ่มขึ้น ภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัวตามการค้าโลก และที่สำคัญคือแรงฉุดจากนโยบายการเงินที่เคยเข้มงวดมากจะลดลง สอดคล้องกับทิศทางของธนาคารกลางทั่วโลกที่ได้สิ้นสุดการขึ้นดอกเบี้ยและส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย ขณะที่เศรษฐกิจจีนยังมีความท้าทาย ต้องอาศัยมาตรการกระตุ้นทั้งด้านการเงินและการคลังให้มากเพียงพอที่จะเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ภาคธุรกิจ รวมทั้งนักลงทุน กลับคืนมาให้ได้

2. เงินเฟ้อในสหรัฐฯ และยุโรป จะลดลง จากทั้งราคาสินค้าและบริการที่ลดลง อย่างไรก็ตามราคาพลังงานจะเป็นความเสี่ยงที่อาจผลักให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นได้ หากความตึงเครียดในตะวันออกกลางรุนแรงขึ้นจนกระทบการผลิตหรือการขนส่งน้ำมัน

3. นโยบายการเงินกลับทิศ ธนาคารกลางสหรัฐฯ และยุโรป หยุดขึ้นดอกเบี้ยแล้วและคาดว่าจะลดดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2024 แต่อัตราการดอกเบี้ยจะไม่ลดลงไปต่ำเท่าระดับก่อนโควิด ด้านธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจจะขึ้นดอกเบี้ยและนำเศรษฐกิจออกจากยุคดอกเบี้ยติดลบในช่วงไตรมาส 2 ส่วนจีนจะยังดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

4. ปีแห่งการเลือกตั้ง ปีนี้จะมีการเลือกตั้งใน 76 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุม 50% ของประชากรโลก และ 60% ของขนาดเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจจะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจ ความไม่แน่นอนทางการเมือง และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ จุดสนใจของโลกคือการเลือกตั้งไต้หวันในช่วงต้นปีและการเลือกตั้งสหรัฐฯ ช่วงปลายปี

5. การเลือกหุ้นมีความสำคัญมากโดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้ว เนื่องจากราคาหุ้นเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก จึงควรเน้นหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ต้านทานกับระดับดอกเบี้ยที่สูงขึ้นได้ และยังมีมูลค่า (Valuation) ที่สมเหตุสมผลกับการเติบโตของกำไรในอนาคต

6. หุ้นตลาดเกิดใหม่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี จาก (1) แนวโน้มการลดลงของดอกเบี้ยในสหรัฐฯ ที่จะทำให้ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าและหนุนเม็ดเงินไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ (2) นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย (3) หากเศรษฐกิจจีนพลิกกลับมาฟื้นตัวได้ ก็จะหนุนเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะในเอเชีย และ (4) กระแสการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนจะสร้างเม็ดเงินลงทุนมหาศาล โดยเฉพาะเวียดนามและอินเดีย

7. พันธบัตรรัฐบาลให้ผลตอบแทนสูง หลังจากที่ธนาคารกลางทั่วโลกขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วและแรงตั้งแต่ปี 2022 ทำให้ยีลด์หรือผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต นอกจากนี้ พันธบัตรอายุยาวยังมีโอกาสได้กำไรจากส่วนต่างราคาหากดอกเบี้ยตลาดปรับลดลงในอนาคตด้วย

8. เน้นลงทุนหุ้นกู้คุณภาพดี ภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและระดับดอกเบี้ยที่สูงกว่าช่วงก่อนโควิดส่งผลกระทบต่อผลดำเนินงานของบริษัทเอกชนและอาจมีผลต่อความสามารถในการชำระหนี้หุ้นกู้ของบริษัทที่ฐานะการเงินอ่อนแอ จึงควรเลือกหุ้นกู้ของบริษัทที่กระแสเงินสดดีและฐานะการเงินแข็งแกร่งเท่านั้น

9. สินค้าโภคภัณฑ์ ราคาน้ำมันจะเคลื่อนไหวผันผวนตลอดทั้งปี ตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจะกดดันราคา แต่ความไม่แน่นอนจากกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ และความขัดแย้งในตะวันออกกลางอาจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นได้ สำหรับโภคภัณฑ์ที่จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้นคือทองคำ เพราะดอกเบี้ยที่แท้จริง (ดอกเบี้ย-เงินเฟ้อ) จะลดลง

10. การกระจายการลงทุนยังคงเป็นหัวใจสำคัญ แม้แรงกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ยจะลดลง แต่เศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว ความเสี่ยงด้านนโยบายระหว่างประเทศทั้งด้านการค้าและการเมืองยังคงมีอิทธิพลต่อกระแสเงินลงทุนระยะสั้นและการปรับกลยุทธ์ธุรกิจในระยะยาว การจัดสรรเงินลงทุนแบบคำนึงถึงความเสี่ยงหรือ Risk-based allocation ที่มีความยืดหยุ่นสูง ปรับพอร์ตเชิงรุกอย่างสม่ำเสมอให้เหมาะสมกับเศรษฐกิจและตลาดลงทุน ยังเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ