‘January Effect’ ดันหุ้นไทย ดัชนีพุ่ง 17 จุด กระตุ้นศก.หนุน ‘ฟันด์โฟลว์’ กลับ

‘January Effect’ ดันหุ้นไทย ดัชนีพุ่ง 17 จุด กระตุ้นศก.หนุน ‘ฟันด์โฟลว์’ กลับ

“หุ้นไทย” ปิดตลาดวานนี้ (2 ม.ค.) พุ่ง 17.53 จุด โบรกเกอร์ ประสานเสียงมีโอกาสเกิด “แจนยัวรี่เอฟเฟค” สูง พร้อมยกสถิติเดือนม.ค. หุ้นเด้ง 2.2% “กลุ่มธนาคาร-สื่อสาร-ขนส่ง” หนุน ลั่นพื้นฐานดีดึงดูด “ฟันด์โฟลว์” ไหลเข้าต่อ มองแนวต้าน 1,460 จุด แนวรับ 1,400จุด

 ความเคลื่อนไหว "ตลาดหุ้นไทย" เปิดศักราชปี 2567 ปิดตลาดวานนี้ (2 ม.ค.) พุ่งแรง 17.53 จุด หรือ 1.24% อยู่ที่ระดับ 1,433.38 จุด มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 43,272.05 ล้านบาท แบ่งเป็นสถานบันในประเทศซื้อสุทธิ 1,423.13 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 534.73 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 1,256.46 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศขายสุทธิ 2,144.86 ล้านบาท สะท้อนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น "โดดเด่น" กว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย 

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส  กล่าวว่า วานนี้ตลาดหุ้นไทยสามารถยืนบวกได้ต่อเนื่องตลาดทั้งวัน เนื่องจากความคาดหวังการเกิด January Effect ที่ตลาดหุ้นมักปรับตัวขึ้นในเดือนแรกของปี ซึ่งค่าเฉลี่ยดัชนีหุ้นไทยเดือนม.ค. ของทุกปีปรับขึ้นเฉลี่ย 2.2% นับตั้งแต่เปิดตลาดหลักทรัพย์ฯ

‘January Effect’ ดันหุ้นไทย ดัชนีพุ่ง 17 จุด กระตุ้นศก.หนุน ‘ฟันด์โฟลว์’ กลับ

 หรือจะเรียกว่าในปีนี้มีโอกาสเกิด January Effect ได้ไม่ยาก เพราะว่ามีปัจจัยพื้นฐานเอื้ออำนวยทั้งมาตรการภาครัฐที่เป็นรูปธรรม จะเริ่มเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567, คาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่มีแนวโน้มเติบโตดี โดยคาดการณ์ EPS Growth ปี 67 เติบโต 12.6% ซึ่งถือเป็นการเติบโตแบบสองหลักได้เป็นครั้งแรก ตามการโตของเศรษฐกิจไทยมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง คาดว่าจีดีพีเติบโต 3.2-3.4% ในปีนี้  

โดยปัจจัยดังกล่าวน่าจะเป็นแรงดึงดูดให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยได้ ดังนั้น แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเดือนม.ค.นี้ น่าจะยังมีเซนทริเมนต์เชิงบวกเช่นนี้ต่อเนื่อง ดัชนียืนเหนือระดับ 1,400 จุดได้ มองกรอบแนวต้านที่ 1,450-1,460 จุด และแนวต้าน 1,425 จุด 

สำหรับ กลยุทธ์ลงทุนเน้นธีมหุ้นปันผล เช่น SIRI , INTUCH ,LH ธีมหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบาย Easy E-Receipt เริ่มต้นขึ้นแล้ว เช่น COM 7 , CRC และหุ้นที่ได้ประโยชน์ High ESG  เช่น TISCO , GULF , KBANK ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงนั้นตอนนี้ยังไม่มีปัจจัยที่น่ากังวลมากแต่ต้องติดตามสถานการณ์ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ 

นายรัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า หุ้นไทยเดือนม.ค. 67 น่าจะเกิด January Effect ได้ หลังจากวานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยบวกแรง จากหลากหลายปัจจัยที่เป็นเซ็นทริเมนต์เชิงบวก ทั้งข่าวนายกฯ ให้สัมภาษณ์ไทย-จีน ตกลงยกเลิกวีซ่าถาวร ประกอบกับ แนวโน้มค่าเงินบาทแข็งค่า หนุนให้กระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าไทยต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังต่างชาติเข้าซื้อสุทธิหุ้นไทยมากช่วงปลายปี 

อย่างไรก็ตาม ในเดือนม.ค. มองกรอบดัชนีหุ้นไทยให้แนวต้านอยู่ที่ 1,460 จุด และแนวรับที่ 1,420 จุด เชื่อกระแสแนวโน้มเงินไหลเข้าจะต่อเนื่องอย่างน้อยจนถึงช่วงกลางเดือนม.ค. 

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า วานนี้หุ้นไทยเคลื่อนไหวแดนบวกต่อเนื่องบริเวณ 1,425-1,435 จุด โดยกหนุนตลาดส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ปรับขึ้นได้ดี ตามสถิติ January Effect ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ สื่อสาร ขนส่ง และโลจิสติกส์ โดย January Effect เฉลี่ยช่วง 10 ปี ชี้โอกาสปรับตัวขึ้นถึง 70% และดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นราว 1.3% ดังนั้นตลาดหุ้นไทยเดือนม.ค.67 มีโอกาสเกิด January Effect  

ประกอบกับ มีกระแสฟันด์โฟลว์กระจายเข้าลงทุุนในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะตลาดหุ้นกลุ่ม TIP รวมถึงไทยโดยแรงซื้อหุ้นกลุ่มเกี่ยวข้องท่องเที่ยวกลับมาคึกคักโดยเฉพาะ AOTและ DELTA หนุนตลาด รวมถึงกลุ่มหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการรัฐอย่าง Easy E-Receipt ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ และมาตรการฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีนกระตุ้นการท่องเที่ยว